วันนี้ (8 ม.ค.2568) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้รับการเชื่อมโยงกับการเข้าซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล หลังจาก เออร์รอล มัสก์ ผู้เป็นบิดา เปิดเผยว่า ลูกชายของเขามีความสนใจในทีมดังจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เจ้าของทีมปัจจุบัน Fenway Sports Group (FSG) ยืนยันว่าไม่มีแผนขายลิเวอร์พูล และยังไม่มีข้อเสนอใด ๆ ถูกยื่นเข้ามา
เออร์รอล มัสก์ ให้สัมภาษณ์กับ Times Radio ว่า อีลอนมีความสนใจที่จะซื้อทีมลิเวอร์พูล แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเขาจะซื้อจริง ๆ เหตุผลที่มัสก์ให้ความสนใจหงส์แดงเพราะ ครอบครัวมัสก์มีความเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูลในเชิงส่วนตัว
คุณย่าของอีลอนเกิดที่ลิเวอร์พูล เรามีญาติอยู่ที่นั่น และครอบครัวเรายังโชคดีที่ได้รู้จักกับสมาชิกบางคนของวง The Beatles ซึ่งเติบโตมากับญาติของเรา
จริงอยู่ที่การเข้าซื้อทีมลิเวอร์พูลไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมัสก์ ด้วยทรัพย์สินรวมที่มัสก์ถืออยู่มีมูลค่าประมาณ 340,000 ล้านปอนด์ ขณะที่สโมสรที่มัสก์สนใจนั้นมีมูลค่าประมาณ 4,300 ล้านปอนด์ Forbes ประเมินไว้เมื่อปีที่ผ่านมาว่ามัสก์ใช้เงินเพียงแค่ร้อยละ 1 ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ก็สามารถเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลนี้ได้แล้ว
แต่แม้จะมีกำลังทรัพย์มากมาย มัสก์ก็ยังต้องเผชิญความท้าทายหลายประการหากเขาต้องการซื้อทีมลิเวอร์พูล มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกรายนี้ต้องผ่านการตรวจสอบถึงความเหมาะสมของการเป็นเจ้าของและผู้บริหารในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเน้นความโปร่งใสและความสามารถในการบริหารจัดการ ซึ่งลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่ฝังรากลึกในชุมชนและมีแฟนบอลที่ยึดมั่นในค่านิยมเรื่องความยุติธรรมและความเท่าเทียม บางคนอาจไม่เห็นด้วยหากเจ้าของใหม่มีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับหลักการเหล่านี้
เคเวห์ โซลเฮโกล ผู้สื่อข่าว Sky Sports News แสดงความคิดเห็นว่า มัสก์อาจผ่านด่านการตรวจสอบของพรีเมียร์ลีกได้ แต่เขายังต้องเผชิญกับแรงต้านจากแฟนบอลลิเวอร์พูลซึ่งมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและยึดมั่นในหลักการทางสังคมอย่างชัดเจน
FSG รับไม่ถือครอง "หงส์แดง" ไปตลอด
Fenway Sports Group หรือ FSG เข้าซื้อกิจการลิเวอร์พูลในปี 2553 ด้วยราคา 300 ล้านปอนด์ และตั้งแต่นั้นมาได้เน้นการบริหารสโมสรอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการเงินและการพัฒนาทีม ในปี 2566 จอห์น เฮนรี เจ้าของหลักของ FSG เคยยืนยันว่าพวกเขาไม่มีแผนขายสโมสรในขณะนี้ แต่ยอมรับว่าคงไม่สามารถถือครองลิเวอร์พูลไปตลอด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา FSG ได้สำรวจโอกาสในการดึงนักลงทุนภายนอกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน แต่ไม่ได้วางแผนที่จะขายทีมทั้งหมด ในปีเดียวกัน พวกเขาได้ขายหุ้นส่วนน้อยให้กับบริษัท Dynasty Equity ในสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าความมุ่งมั่นในการบริหารลิเวอร์พูลในระยะยาวยังคงแน่วแน่
ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูลรายงานผลขาดทุนก่อนหักภาษีจำนวน 9,000,000 ปอนด์ และผลประกอบการล่าสุดที่จะเผยแพร่ในเดือนหน้าคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันในยูฟาแชมเปียนส์ลีก นอกจากนี้ สโมสรยังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับผู้เล่นสำคัญ เช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
อ่านข่าวอื่น :
“หมูเด้ง” รันวงการเมือง กกต.ใช้เป็นมาสคอตเลือกตั้ง อบจ.
"ซิงซิง" เหยื่อแคสต์งานค้ามนุษย์ สู่ปมโซเชียล"เมืองไทยน่ากลัว"