วันนี้ (27 ม.ค.2568) คลื่นผู้พลัดถิ่นชาวปาเลสไตน์แบกสัมภาระเดินไปตามถนนสายหลักริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อกลับบ้านในพื้นที่ทางตอนเหนือของกาซา หลายคนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข หลังจากต้องอพยพหนีการสู้รบ ตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอลตั้งแต่ 15 เดือนก่อน
เมื่อกองทัพอิสราเอลเปิดจุดข้ามแดนทางตอนกลางของกาซา ชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก ต่างรีบทยอยออกเดินทางกันทันที หลังจากที่พวกเขาต้องปักหลักรออยู่ในบริเวณดังกล่าวตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่บรรยากาศภายใน กาซา ซิตี เมืองใหญ่ที่สุดในกาซา และเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส ก่อนที่จะถูกกองทัพอิสราเอลถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง ชาวเมืองที่ได้กลับมาถึงบ้านเกิดของตัวเองต่างแสดงความยินดีที่ได้พบเจอกับคนรู้จัก ซึ่งหลายคน เข้าสวมกอดทักทายกันด้วยความสุข และถ่ายรูปเซลฟี เพื่อเก็บเป็นภาพแห่งความทรงจำ
นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 1 ปี ที่ชาวกาซา ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ทางตอนเหนือได้ หลังจากกาตาร์และอียิปต์ เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาให้อิสราเอลยอมอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 650,000 คน ในพื้นที่ทางตอนกลางและตอนใต้ของกาซา เดินทางกลับขึ้นทางตอนเหนือได้ ขณะที่กลุ่มฮามาส ยื่นรายชื่อตัวประกันอิสราเอลที่จะได้รับการปล่อยตัวในข้อตกลงหยุดยิงเฟสแรกให้กับทีมเจรจา
การเปิดจุดข้ามแดนในครั้งนี้ ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม หลังจากอิสราเอลระบุว่า ฮามาสละเมิดข้อตกลงด้วยการไม่ยอมปล่อยตัวประกันพลเรือน 1 คน ทำให้อิสราเอล ไม่ยอมเปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์ เดินทางกลับขึ้นเหนือได้ ก่อนที่ฮามาสจะยอมตกลงปล่อยตัวประกันคนดังกล่าวในภายหลัง พร้อมด้วยตัวประกันเพิ่มอีก 2 คน ภายในวันศุกร์นี้ (31 ม.ค.2568)
ข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเฟสแรก ครอบคลุมการแลกเปลี่ยนตัวประกัน 33 คน กับชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอลประมาณ 1,900 คน ตลอดระยะเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งล่าสุด กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันออกมาแล้ว 2 รอบ และคาดว่า น่าจะยังมีตัวประกันอยู่ในกาซาอีก 87 คน ซึ่งในจำนวนนี้ คาดว่าเสียชีวิตไปแล้ว 34 คน
อ่านข่าวอื่น :