ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“อินเดีย”กลับมาทวงตลาดคืน ส่งออกข้าวไทยปี68 หืดขึ้นคอ

เศรษฐกิจ
28 ม.ค. 68
14:39
207
Logo Thai PBS
“อินเดีย”กลับมาทวงตลาดคืน ส่งออกข้าวไทยปี68 หืดขึ้นคอ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมการค้าต่างประเทศ เผยตัวเลขส่งออกข้าวไทยปี 2567 ปริมาณ 9.95 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี61 อานิสงส์อินเดียแบนส่งออกข้าว ส่วนปี68 คาดส่งออกชะลอ หลังอินเดียหลับมาทวงคืนตลาดข้าวคืน ตั้งเป้าส่งออก 7.5 ล้านตัน

วันนี้ ( 28 ม.ค.2568) นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จากความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อรองรับกับความต้องการบริโภค ชดเชยผลผลิตที่ลดลง บรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อด้านอาหาร และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศผู้ซื้อ ประกอบกับอินเดียมีมาตรการระงับการส่งออกข้าวขาวมาตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค2566 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนต.ค 2567 ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าข้าวขาวจากอินเดียพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

ส่งผลให้ ปี 2567 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13% นำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 225,656 ล้านบาท (ประมาณ 6,434 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 27% ซึ่งปริมาณการส่งออกข้าวปี 2567 ที่ 9.95 ล้านตัน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9 ล้านตัน และเป็นปริมาณส่งออกข้าวไทยที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561

โดยไทยส่งออกข้าวขาวมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 5.99 ล้านตัน คิดเป็น 60% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยส่งออกข้าวขาวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23% รองลงมา ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย 1.74 ล้านตัน ข้าวนึ่ง 1.27 ล้านตัน ข้าวหอมไทย 0.63 ล้านตัน ข้าวเหนียว 0.30 ล้านตัน และข้าวกล้อง 0.02 ล้านตัน

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ข้าวไทยส่งออกไปภูมิภาคแอฟริกา 3.37 ล้านตัน คิดเป็น 34% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35%) รองลงมา ได้แก่ ภูมิภาคเอเชีย 3.33 ล้านตัน (ลดลงจากปีก่อน 8%) ภูมิภาคอเมริกา 1.34 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33%) ภูมิภาคตะวันออกกลาง 1.34 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16%) ภูมิภาคยุโรป 0.30 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3%) และภูมิภาคโอเชียเนีย 0.27 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35%)

ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งไทยส่งออกข้าวไปอินโดนีเซียมากเป็นอันดับหนึ่งที่ปริมาณ 1.33 ล้านตัน คิดเป็น 13% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ อิรัก 1.00 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18%) สหรัฐอเมริกา 0.85 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20%) แอฟริกาใต้ 0.83 ล้านตัน (ลดลงจากปีก่อน 7%) และฟิลิปปินส์ 0.62 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 48%)

สำหรับราคาการส่งออกข้าวของอินเดียและเวียดนาม พบว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันซึ่งเป็นไปตามราคาข้าวในตลาดโลก โดยปี2567 ข้าวขาว 5% ของไทยมีราคาเฉลี่ยใกล้เคียงกับเวียดนามที่ 574-576 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวของอินเดียอยู่ที่ 529 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนของปากีสถานอยู่ที่ 556 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

ปีนี้คาดว่าอินเดียจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 22 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี67 ในขณะที่ไทยและเวียดนามน่าจะมีปริมาณการส่งออกลดลง เหลือ 7.5 ล้านตัน เนื่องจากอินเดียมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีสต็อกข้าวที่อยู่มนระดับสูงจากการควบคุมการส่งออกในปีที่ผ่านมารวมทั้งมีราคาทีต่ำกว่าประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่น

สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวปี 2568 คาดว่าตลาดการค้าข้าวโลกจะมีการแข่งขันสูงจากการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย และปริมาณผลผลิตข้าวของทั้งประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะภัยแล้งคลี่คลาย รวมทั้งภาวะทางเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ราคามีผลต่อการตัดสินใจนำเข้าข้าวมากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งผู้นำเข้าสำคัญอย่างอินโดนีเซียอาจมีความต้องการนำเข้าข้าวลดลง เนื่องจากคาดว่าผลผลิตข้าวในประเทศจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น และได้นำเข้าข้าวเพื่อสำรองสต็อกไว้ค่อนข้างมากแล้ว

ปีนี้ คาดว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากปริมาณผลผลิตข้าวโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดียซึ่งมีราคาต่ำกว่าทั้งของไทยและเวียดนาม รวมทั้งผู้นำเข้ามีแนวโน้มลดการนำเข้าจากผลผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้น

โดยตั้งแต่วันที่ 1-27 ม.ค. 68 ไทยมีปริมาณส่งออกข้าว 673,276 ตัน ลดลง จากช่วงเดียวกันที่มีปริมาณส่งออกที่ 829,935 ตัน หรือลดลง 18.88% ราคาข้าว วันที่ 22 ม.ค.2568 พบว่าราคาข้าวไทยอยู่ที่ 445 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เวียดนามอยู่ที่410 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อินเดีย ราคาอยู่ที่425 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าว เพิ่มเติมว่า ความท้าทายในปี 2568 ทำให้เห็นว่าการขยายโอกาสในการส่งออกข้าวไทยให้ครอบคลุมและสอดรับกันทั้งระบบสำคัญมากยิ่งขึ้น และเพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกในการส่งออกข้าวไทย กรมฯ ได้ดำเนินการแล้วในการปรับลดขั้นตอนและระยะเวลาการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าว

จากเดิมใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 3 วัน เหลือเพียง 30 นาที เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถส่งออกข้าวได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งกรมฯ และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจึงคาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 จะมีประมาณ 7.5 ล้านตัน

นอกจากนี้ กรมฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสในการขยายช่องทางตลาดของข้าวไทยให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็กตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีแผนนำผู้ประกอบการรายเล็กที่มีศักยภาพในการส่งออกข้าวเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจในงาน BIOFACH (เยอรมัน) งาน Natural Products Expo West (สหรัฐอเมริกา) และงาน THAIFEX – Anuga Asia (ไทย) โดยคาดว่าภายใน 1 ปี จะมีคำสั่งซื้อและสร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

อ่านข่าว:

 "ไทย" รับมือสงครามการค้าโลกเดือด “ทรัมป์” กลับมาเอาคืน

ตลาดจับตา เฟดประชุม28-29 ม.ค.นี้ เงินบาทอ่อนรับดอลลาร์แข็งค่า

“เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว”ฟื้น หนุนจดทะเบียนปี67สูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง