วันนี้ (31 ม.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยนายก อบจ. ที่เชียงใหม่ และให้ความเห็นว่าการทำงานของรัฐบาลล่าช้า เนื่องจากมีหลายพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลว่า ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากยังไม่ได้ฟังคำปราศรัยของนายทักษิณ
เมื่อถูกถามถึงประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาลผสมปัจจุบัน นายภูมิธรรมยอมรับว่ามีความล่าช้าบ้าง แต่ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังคงทำงานร่วมกันได้ และต้องดูรายละเอียดของแต่ละส่วนที่อาจมีปัญหา อย่างไรก็ตามมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่สั่นคลอน
"วราวุธ" ยันทำงานเต็มที่ แม้ถูกมองล่าช้า
ทางด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงคำวิจารณ์ของนายทักษิณว่า ไม่แปลกใจ ที่รัฐบาลผสมจะทำงานล่าช้ากว่ารัฐบาลพรรคเดียว โดยเปรียบเทียบว่า การมีหลายพรรคเหมือนการเล่นกีฬาหลายคน ต้องใช้เวลาประสานงานกันมากกว่าการเล่นคนเดียว
พร้อมกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นแน่นอน และปฏิเสธว่าคำวิจารณ์ของนายทักษิณเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจของพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามถึงแนวทางการทำงานเชิงรุก นายวราวุธย้ำว่า รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ และมีการพูดคุยนอกรอบกันตลอดเวลาเพื่อเร่งรัดกระบวนการต่าง ๆ แต่บางเรื่องต้องใช้เวลาทำเอกสาร อย่างไรก็ตาม หากสามารถปรับปรุงให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ก็จะช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น
ยังถกไม่จบ ปมตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซนเตอร์
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงกรณีการตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์ในเมียนมา ซึ่งมีการโยนความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ โดยระบุว่า ไม่ใช่การโยนกันไปมา และย้ำว่า มาตรการตัดไฟนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด
และยังชี้ว่าในปี 2566 มีการตัดไฟบางส่วนไปแล้ว เช่น ใน อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด ที่อยู่ตรงข้ามเมืองชเวก๊กโก่ ส่วนการตัดไฟฟ้าในเมืองเมียวดี ยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีโรงเรียนและโรงพยาบาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์
เมื่อถูกถามถึงแนวทางการดำเนินงาน นายภูมิธรรมย้ำว่าหากมีหลักฐานว่ามีการใช้ไฟฟ้าผิดประเภท หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเสนอเรื่องให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา โดยแต่ละหน่วยงานต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
อ่านข่าวอื่น :