ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผลประโยชน์-ความสัมพันธ์ต่างตอบแทน เหตุเงื้อง่า “ตัดไฟ” แก๊งคอลฯ ยืดเยื้อยาวนาน

การเมือง
5 ก.พ. 68
15:05
135
Logo Thai PBS
ผลประโยชน์-ความสัมพันธ์ต่างตอบแทน เหตุเงื้อง่า “ตัดไฟ” แก๊งคอลฯ ยืดเยื้อยาวนาน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

หลังจากเล่นโยนกลองกันไปมาพักหนึ่ง ระหว่างมหาดไทย ที่ดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กับกลาโหมที่ดูแลความมั่นคง และสมช. หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่องตัดไฟฟ้าจากฝั่งไทย ที่ไปเอื้อประโยชน์ต่อ “แก๊งมิจฉาชีพ” รวมทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ทั้งในชเวก๊กโกและเคเคพาร์ค ในเขตเมียวดี ฝั่งประเทศเมียนมา

ต่างฝ่ายต่างอ้างความรับผิดชอบของอีกฝ่าย ยืดเยื้อบานปลายกลายเป็นวิวาทะระหว่าง 2 คนใหญ่ในรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่อ้างให้ สมช.มีคำสั่งลงมา กฟภ.พร้อมจะตัดไฟทันที กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ย้ำชัดว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอำนาจสั่งตัดได้เอง

โต้กันผ่านสื่อ ยื้อกันนัวเนีย จนมีคำถามว่า ทำไมไม่ปิดห้องคุยกันให้จบ แม้จะอ้างเรื่องขั้นตอนและกฎหมาย ทำให้ “ทัวร์ลง” โดนวิจารณ์ไม่น้อย อย่างกรณี กฟภ.ขายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงต่างประเทศ และ สมช. ได้ตรวจอนุมัติให้ กฟภ.ขายได้ ถือว่าจบ

จากนั้นเขาจะเอาไปทำอะไรต่อเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ กฟภ. ขายโดยตรงให้กับแก๊งสแกมเมอร์ หรือ กรณีภัยความมั่นคง เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องมหาดไทย เพราะเป็นเรื่องกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ มหาดพม่า

จนต้องเรียกถกกันในครม. และนายกรัฐมนตรี ได้โอกาสโชว์ภาวะความเป็นผู้นำ และแสดงความเด็ดขาด หลังโดนค่อนขอดว่า มัวแต่เงื้อง่าราคาแพง แล้วจะตัดไฟกี่โมง นายกฯ ต้องนำทีมแถลง อ้างไม่ความลังเลใด ๆ หากชัดเจนก็ตัดไฟได้เลย แม้แต่น้ำมัน ก็ไม่ต้องส่ง (ให้)

ก่อนจะมีเสียงขานรับโดย สมช.ที่มีนายภูมิธรรม นั่งหัวโต๊ะ โดยมีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.เป็นต้นไป และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้รัฐบาลเมียนมาได้รับทราบ

โดยทั้ง 5 จุด เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามตะเข็บแนวชายไทย-เมียนมาร์ ตั้งแต่ อ.แม่สาย ไล่ลงมาจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ ตรงข้ามเมืองพญาตองซู โดยส่วนใหญ่นักการเมืองทราบดีว่า เป็นที่ตั้งของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และภายในเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทาสีดำเป็นส่วนใหญ่

ทั้งแก๊งอาชญากรข้ามชาติ ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน ขายยาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คอยหลอก และสูบเอาเงินของผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อ มีทั้งคนไทยและคนจีน จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของอาชญากรนานาชาติในภูมิภาคนี้

แต่ใช่ว่า มติตัดไฟฟ้าที่นายอนุทินไปกดปุ่มตัดสวิตช์ด้วยตัวเอง ในเช้าวันที่ 5 ก.พ. รวมทั้งการตัดอินเตอร์เน็ต และน้ำมัน จะทำให้ปัญหา “แก๊งมิจ” ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา จะยุติลง หรือสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที

เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องที่สะสมหมักหมมปัญหา หลายชั้นมายาวนานแล้ว ไทยเคยก็เคยใช้มาตรการแบบนี้มาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ไม่อาจสยบ “แก๊งมิจ” เหล่านี้ได้ ไฟฟ้ายามค่ำคืนในชเวก๊กโก และเคเคพาร์ค ก็ยังมีปรากฏให้เห็น ไม่ต่างจากเดิมมากนัก

รวมทั้งการเดินหน้าต่อของเหล่าอาชญากรข้ามชาติ ก็ยังอยู่ เนื่องจากมีการกักตุนน้ำมันไว้ล่วงหน้า ขณะเดียวกัน ธุรกิจขายเครื่องปั่นไฟ ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผ่าน “ท่าข้าม” ที่มีไว้สำหรับขนส่งคนและสินค้า ในแม่น้ำเมยร่วม 20 จุด

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องข้องใจและคำถามตามมาอีกเป็นพรวน โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์มหาศาล และความสัมพันธ์ต่างตอบแทนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา

ดังที่นักวิชาการที่ศึกษาและวิจัยเรื่องนี้ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่าม นักวิชาการ มช. ออกโรงวิพากษ์และตั้งข้อสังเกต รวมทั้งชี้ให้ตระหนักถึงความเป็นจริงว่า การขายไฟฟ้าของไทยให้กับเมียนมาร์ เป็นการขายผ่านตัวแทนหรือนอมินี ไม่ใช่ซื้อขายกันโดยตรงแบบรัฐต่อรัฐ อย่างที่เข้าใจกัน ทำให้เรื่องนี้ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น

ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุชัดเรื่องระงับการส่งไฟฟ้าไปฝั่งประเทศเทศเมียนมา เพื่อตัดวงจรธุรกิจสีดำ และแก๊งสแกมเมอร์ กลายเป็นเรื่องยากของฝ่ายไทย สะท้อนผลประโยชน์มหาศาล และความสัมพันธ์ต่างตอบแทนในเขตชายแดนระหว่าง 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้อง คือ ทุนจีนสีเทา กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือกะเหรี่ยง BGF ที่ยึดครองและมีอิทธิพลในพื้นที่เมียวดี ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด ของไทย และหน่วยงานรัฐไทยที่มีต่อกันอย่างแนบแน่น ขณะที่ความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล ที่แม้จะมีอำนาจ ก็สั่งการอะไรไม่ค่อยได้

ในข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับส่วยและทุนจีนสีเทาในพื้นที่ดังกล่าว ศ.ดร.ปิ่นแก้ว มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจมากว่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทนดังกล่าว เป็นไปได้อย่างน้อย 3 ลักษณะ คือ

1.ผลประโยชน์การขายไฟ เพราะมีทั้งนายทุนใหญ่ที่ขายไฟให้ กฟภ. นายทุนท้องถิ่นที่เป็นนายหน้าติดตั้งระบบไฟในเมืองชายแดน และทำมาหากินกับการขายไฟฟ้าต่อให้พวกแก๊งอาชญากรจีน ตลอดจน กฟภ.เอง ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องได้เสีย

2.ส่วยและความเกรงใจต่อทุนจีนสีเทา และแก๊งสแกมเมอร์จีน ที่ถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่และเป็นลูกค้าชั้นดี ที่จ่ายส่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาตลอด จ่ายทุกหน่วยงาน และจ่ายรอบวง

3.ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหว่างหน่วยงานความมั่นคงไทยกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชายแดน ที่พึ่งพาอาศัยกันและกันในหลายๆ เรื่อง การทุบหม้อข้าวของ BGF ด้วยการตัดไฟแก๊งสแกมเมอร์จีน ย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ที่เคยมีมา

ความสัมพันธ์และซับซ้อนต่อเรื่องที่เป็นไปในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา กระทั่งถึงท่าทีล่าสุดของรัฐบาลไทย มีขึ้นขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลัง (จะ) ไปประเทศจีน เพื่อพบปะกับนายสี จิ้น ผิง ผู้นำประเทศจีน โดยมีสาระการเจรจาหลายเรื่อง

รวมทั้งการประสานความร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหาแก๊งอาชญากรข้ามชาติและทุนสีเทา ที่ทางการจีนก็เริ่มขยับ เพราะมีการเปิดข้อมูลตัวเลข 36 แก๊งคอลเซ็นเตอร์คนจีน มีคนเกี่ยวข้องมากกว่า 1 แสนคน ทำความเสียหายมากถึง 10 ล้านล้านดอลล่าร์ และมีคนจีนถูกหลอกไปทำงานนี้ และถูกทำร้ายร่างกายเป็นจำนวนมาก

เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น ที่กลายเป็นเหยื่อถูกสูบถูกดูด แค่ 2 ปี หลังสุด ความเสียหายร่วม 8 หมื่นล้านบาท แต่ยังรวมถึงคนจีนด้วย และเชื่อมโยงต่อถึงความไม่มั่นใจในสวัสดิภาพและความปลอดภัย กรณีเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย อันเป็นผลจากหวังซิน ดาราชาวจีนที่เพิ่งตกเป็นเหยื่อล่าสุด

สำคัญอยู่ที่การเอาจริงเอาจังของรัฐบาลไทย จะเอาชนะเรื่องผลประโยชน์มหาศาล และความสัมพันธ์ต่างตอบแทนในเขตชายแดนไทย-เมียนมา ของ 3 กลุ่มหลักได้อย่างไร หรือไม่ จะเป็นคำตอบสำคัญ

เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ขณะที่เรื่องนี้เป็นปัญหายืดเยื้อคาราคาซังมานานนับสิบๆ ปีแล้ว

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง