วันนี้ (6 ก.พ.2568) ตำรวจสืบสวนนครบาล นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ และ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังบุกจับนายยีวานโยว อายุ 29 ปี และนายลี่ เว่ยเจีย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ภายในอาคาร 3 ชั้น ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยแบบทาวน์โฮม ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ทั้ง 2 คนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเป็นหัวหน้าเครือข่ายคอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการเข้าตรวจค้นพบโทรศัพท์ 7 เครื่อง, นาฬิกาหรู, ของใช้แบรนด์เนมต่าง ๆ เงินสด และรถยนต์หรู รวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายที่ถูกเครือข่ายคอลเซนเตอร์หลอกเอาเงินไปกว่า 1 ล้านบาท พนักงานสอบสวนได้ขยายผลเดินทางไปสอบปากคำพยานอื่น ๆ เพิ่มเติม จนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับ
จากการสืบสวนพบว่าชาวจีนทั้ง 2 คน เช่าบ้านพักหลังดังกล่าวเดือนละ 100,000 บาท จึงเฝ้าระวังติดตามจนทราบว่าทางชาวจีนเดินทางเข้าประเทศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนำกำลังเข้าตรวจค้นในวันนี้ ซึ่งชายชาวจีนทั้ง 2 คน ยังไม่ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเป็นภาพถ่ายเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (simbox) ซิมการ์ดจำนวนมาก และคิวอาร์โค้ด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องนำข้อมูลในโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม คาดว่ากระบวนการนี้มีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนข้อหาเบื้องต้นเข้าข่ายกระทำความผิด เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่ง แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ โดยพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่านอกเหนือจากข้อหาเบื้องต้นแล้วยังอยู่ระหว่างในการขยายผลความผิดอื่นๆเพิ่มเติม รวมไปถึงการเอาผิดเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเพิ่มเติมด้วย
พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุว่า พฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา 2 คน จากการสืบสวนพบว่าเป็นระดับผู้สั่งการของเครือข่ายเซนเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้คนในเครือข่ายเปิดเพจเฟซบุ๊กปลอมใช้ภาพของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แอบอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการในไทย รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ให้กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคล
ก่อนนำข้อมูลมาใช้โทรหาผู้เสียหาย อ้างให้การช่วยเหลือก่อนหลอกเอาเงินผู้เสียหาย
สำหรับนโยบายการปราบปรามเครือข่ายคอลเซนเตอร์ ออกสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ เฝ้าระวังเรื่องของกลุ่มผู้กระทำความผิดเดินทางเข้าประเทศหรือใช้ประเทศไทยเป็นที่พำนัก ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งให้ทุกพื้นที่เอกซเรย์อย่างละเอียด เพื่อกวาดล้างเครือข่ายเครือข่ายคอลเซนเตอร์ รวมไปถึงขยายผลเร่งออกผิดผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม รวมไปถึงให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร หากพบกลุ่มชาวจีนที่ใช้ชีวิต ร่ำรวยผิดปกติหรือมีพฤติกรรมที่สอบไปในการกระทำความผิดสามารถแจ้งข้อมูลกับตำรวจได้ทุกพื้นที่
อ่านข่าว : ผบ.ตร.แจงปมไม่เด้ง "ผกก.นครนายก" ปมบ่อนพนัน