วานนี้ (8 ก.พ.2568) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานผลการแข่งขัน อีเอฟแอล คัพ หรือ "ลีกคัพ" รอบรองชนะเลิศ แมทช์ที่ 2 คู่ที่ 2 ระหว่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ปะทะ ลิเวอร์พูล ที่สนาม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส โดยพลพรรค หงส์แดง บุกมาพ่าย 1-0 แต่ยังคงเข้ารอบ "ป้องกันแชมป์" ด้วยสกอร์รวม 1-4
พลพรรคเครื่องจักรสีแดง กุมความได้เปรียบมาในแมทช์แรก ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ ชนะพลพรรคไก่เดือยทองมาท่วมท้น 4-0 แต่ยังคงจัดเต็ม เข็นผู้เล่นตัวจริงเป็นแกนหลัก ส่วนผู้มาเยือน จัดเต็มเช่นกัน เพื่อหวังทะลวงตาข่ายให้ได้เกิน 5 ประตู ลุ้นฟื้นศรัทธาแฟนฟุตบอลของตน หลังผลงานในช่วงนี้ไม่ค่อยดี
เริ่มเกม ลิเวอร์ครองเกมได้มากกว่า แต่ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ เป็นผลให้สเปอร์สได้สวนกลับอยู่บ่อยครั้ง นาทีที่ 21 "อีฟ บิซซูมา (Yves Bissouma)" จ่ายบอลมาให้กับ "ซน ฮึง มิน (Son Heung Min)" กัปตันทีม โยกหลอก "คอนนอร์ แบรดลีย์ (Conner Bradley)" แบ็คขวาดาวรุ่งทีมคู่แข่ง ก่อนจะปาดเข้ากลางให้ "โดมินิค โซลันกี (Dominik Solanke)" พุ่งเข้าชาร์จจ่อ ๆ แต่บอลเจ้ากรรมดันพันแข้งพันขา หลุดออกหลังไป
สองนาทีต่อมา ลิเวอร์พูลทำเกมรุก "โม ซาลาห์ (Mo Salah)" รับบอลจากการดักบอลของ "ดิโอโก โชตา (Diogo Jota)" ตัดเข้ากลางและจ่ายให้กับ "โคดี กักโป (Cody Gakpo)" ไหลคืนมาให้ซาลาห์ตะบันด้วยซ้าย บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDinGVgx0UP8DR3J4dxROi8CR.png)
โดยนาทีที่ 45+4 ความสามารถเฉพาะตัวของกักโป ตะบี้ตะบันเลี้ยงฝ่านักเตะสปอร์ส ก่อนยิงสุดแรงเกิด บอลไปเข้ามือ "อันโตนิน คินสกี (Antonín Kinský)" ไปแบบไม่ได้ลุ้น จบครึ่งแรก ทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันแบบโนสกอร์ 0-0
ครึ่งหลัง พลพรรคหงส์แดงเกือบเกม นาทีที่ 53 "อลิซง เบคเกอร์ (Alisson Becker)" ผู้รักษาประตูของทีม เล่นท่ายาก ล็อคหลบผู้เล่นพลพรรคไก่เดือยทอง ก่อนจะพลาดท่าเสียบอล แต่ "เปโดร ปอร์โร (Pedro Porro)" ชิบออกหลังไปแบบเหลือเชื่อ
และนาทีที่ 70 "คอสตาส ซิมิคาส (Kostas Tsimikas)" แบ็คซ้ายของหงส์แดง เปิดข้ามฝั่งมาที่ "เทรนด์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold)" ตะบันด้วยขวา ผ่านมือคินสกี แต่ "ราดู ดรากูชิน (Radu Drăgușin)" สะกัดออกมาจากเส้นปากประตู ก่อนที่จะมาเข้าทาง "อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ (Alexis Mac Allister)" ห้องเครื่องลิเวอร์พูล ยิงออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 75 ปอร์โร เปิดยาวมาให้กับ โซลันกี ซัดเข้าไปตุงตาข่าย แต่บุญรักษาลิเวอร์พูล เพราะประตูนี้ "ล้ำหน้า" ทำให้สเปอร์สดีใจเก้อไป
ก่อนที่ 10 นาทีต่อมา จากการวางบอลของปอร์โร ไปที่โซลันกี ตามแพทเทอร์นเดิม แต่คราวนี้ โซลันนกีเก็บบอลได้ และถวายพานให้ "ลูคัส เบิร์กวาล (Lucas Bergvall)" มิดฟิลด์ดาวรุ่งสุดรักสุดหวงของไก่เดือยทอง ยิงเข้าไปอย่างหมดจด จะจบเกมไปด้วยสกอร์ 1-0
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDinGVgx0UP8Mb3jzSOops8rX.png)
หลังการแข่งขัน ทรอย ดีนีย์ (Troy Denee) กูรูฟุตบอลของ The Sun สื่อจอมแฉของอังกฤษ ได้เขียนบทวิเคราะห์ ระบุว่า นักเตะสเปอร์ส "ไม่เอา" โค้ชของทีม "อังเก ปอสเตโคกลู (Ange Postecoglou)" อีกต่อไปแล้ว สังเกตได้จากภาษากายของนักเตะ ที่แทบเล่นแบบไม่เอาอะไรเลย ทั้งที่ต้องการประตูมากถึง 5 ลูก จึงจะเข้ารอบ
ผมสังเกตว่า ซนนี่ (ซน ฮึง มิน) พูดตลอดในอุโมงค์เข้าห้องแต่งตัว เราเป็นผู้นำจริง ๆ หรือ นักเตะอื่น ๆ อาจทำเช่นเดียวกัน … หากพวกเขาส่องกระจกมองตนเอง ก็อาจจะพึมพำว่า เราไม่เอาอะไรแล้ว พวกเขาเสียความมั่นใจ พ่ายแพ้แก่ความกลัวของตนเอง
ยิ่งตอกย้ำอีกขั้น ด้วยการที่ ปอสเตโคกลู ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ ในการให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ Sky Sports ความว่า "ลิเวอร์พูลดีกว่าหลายขุม พวกเขาสมควรชนะจริง ๆ … เราไม่ดุดันพอที่จะทำให้พวกเขาเข้าสู่เกมของตนเองไม่ได้ … เราต้องเพิ่มความกล้าในการครองบอลและตอนไม่ได้ครองบอล … พวกเขาคือลิเวอร์พูลที่โหดจริง ๆ"
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhTpDinGVgx0UP8Jlw0glIKDa4Od.png)
สำหรับสเปอร์ส หมดลุ้นแชมป์ไปอีกหนึ่งรายการ และพรีเมียร์ลีกจมอยู่อันดับ 14 สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้นเป็นอย่างมาก ส่วนลิเวอร์พูล ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ลีกคัพ โดยจะปะทะกับ "นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด" ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 16 มี.ค. 2568
แหล่งอ้างอิง
- https://www.espn.com/soccer/match/_/gameId/727881/liverpool-tottenham-hotspur
- https://onefootball.com/en/news/match-report-tottenham-hotspur-1-0-liverpool-40534749
- https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/tottenham-players-postecoglou-liverpool-spurs-34640574