วันนี้ (11 ก.พ.2568) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายฮวง ไฮ่ เท่า จำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 2 รวมกับพวกสัญชาติจีน ไทย กัมพูชาและบริษัทนิติบุคคลรวม 5 แห่ง มีจำเลย 23 คน ในข้อหายาเสพติด-ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยวันนี้ โจทก์-จำเลยทุกคน และทนายความ เดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้จัดล่ามภาษาจีนไว้ด้วย
อ่านข่าว เปิดอาณาจักรธุรกิจเครือข่ายทุนจีนสีเทา “ตู้ห่าว” หลังถูกอายัดกว่า 4 พันล้าน
สำหรับนายตู้ห่าว เป็นนักธุรกิจชาวจีน สัญชาติไทย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ ผับจินหลิง โดยมีชื่อเป็นผู้เช่าและดูแลผับจินหลิง ซึ่งเป็นสถานบริการให้เปิดให้คนจีนเข้ามาใช้ และการตรวจค้นของตำรวจเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ในผับพบชาวจีนมาใช้บริการหลายร้อยคนและที่สำคัญพบยาเสพติดจำนวนมาก จนเป็นที่มาของการขยายผล กลุ่มทุนจีน แต่ในวันที่ตรวจค้นผับจินหลิงไม่พบตัวนายตู้ห่าว
จากนั้นตำรวจขยายผลตรวจค้นบ้านพักหรูและบริษัทของนายตู้ห่าวอีกหลายจุด ยึดทรัพย์และดำเนินคดีคนใกล้ชิด สำหรับนายตู้ห่าว หลังถูกออกหมายจับได้เข้ามอบตัวและปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องยาเสพติด
อ่านข่าว ศาลให้ประกันตัว "ภรรยาตู้ห่าว" กับพวกรวม 3 คน
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 25 คนฟัง ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์เบื้องต้นว่า การตรวจค้นผับจินหลิงซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุของตำรวจ ในช่วงปี 2565 พบชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองกว่า 100 คนยาเสพติด อาวุธปืน และของกลางต่าง ๆ ตามบัญชีของกลาง
คดีนี้จากการสืบสวนสอบสวน โจทก์อ้างว่าพบความเชื่อมโยงในบัญชีการเงินของผับจินหลิง ซึ่งมีนายตู้ห่าว จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของ กับสถานบริการในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา คาดว่าเป็นการทำธุรกรรมโอนเงินซื้อขายยาเสพติด อีกทั้งยังมีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับจำเลยทั้งหมด โดยพบว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 5 ให้การรับสารภาพ แต่จำเลยที่เหลือให้การปฏิเสธ
ชี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ-เหตุยกฟ้อง
ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่พบพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงของโจทก์ที่ชี้ชัดได้ว่าจำเลยมารวมตัวกันและกระทำการเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือเป็นอั้งยี่ เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน้อย ไม่หนักแน่นเพียงพอ จำเลยทั้งหมดจึงไม่มีความผิดตามฟ้องในข้อหาดังกล่าว
สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งมีความผิดมูลฐานจากคดียาเสพติด โดยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักมั่นคงมากพอที่จะทำให้รับฟังได้เนื่องจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในบัญชีธนาคารไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเงินที่เข้ามาในบัญชีของจำเลยที่เกี่ยวข้อง เป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดหรือการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มในสถานบริการ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย การกระทำของจำเลยทั้ง 25 ไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน
ส่วนความผิดในข้อหาอื่น ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำเลยที่ 1 และ 4 มีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและครอบครองอาวุธปืน ตามพ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ร.บ.อาวุธปืน 5 กระทง ลงโทษทุกกรรม จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 27 ปี 6 เดือน ปรับ 1,690,000 บาท
ส่วนจำเลย 5 มีความผิด 8 กระทง แบ่งเป็น 5 กระทงแรก คือความผิดเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 4 ส่วนกระทงที่ 6-8 เป็นความผิดเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ เบื้องต้น จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท
ส่วนจำเลยที่ 7, 11 และ 12 พบมีความผิดฐานสนับสนุนและช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด 4 กระทง โดยทั้ง 3 คนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 21 ปี 24 เดือน ปรับ 1,706,666.66 บาท และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2, 3, 6, 8, 9, 10, 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24 และ 25 ซึ่งจำเลยที่ 8 จากการตรวจสอบพบเป็นอดีตภรรยาของนายตู้ห่าว ซึ่งมียศเป็น พ.ต.อ.หญิง
อ่านข่าว :