
ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟเชียงใหม่ บนถนนเจริญเมือง ห่างจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 7.5 กิโลเมตร และ ถนนซุเปอร์ไฮเวย์ 1.3 กิโลเมตร คือ ที่ตั้งโครงการบ้านเพื่อคนไทยของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเปิดให้จองสิทธิ์ไปเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลโครงการล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 บ้านเพื่อคนไทยจังหวัดเชียงใหม่มีผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้ว 35,066 คน

จำนวนผู้จองสิทธิ์ที่สูงมากสะท้อนความต้องการบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทในเขตตัวเมือง เพราะในปัจจุบันบ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท มักเป็นโครงการบ้านจัดสรรในพื้นที่รอบนอก และ ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ที่สำคัญ คือ ผู้ต้องการบ้านในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่มากนัก ทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังการให้สินเชื่อ

อัครเดช อุดมศิริธำรง กรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่
อัครเดช อุดมศิริธำรง กรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่
อัครเดช อุดมศิริธำรง กรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ให้ความเห็นว่าโครงการบ้านเพื่อคนไทย ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง แต่มักไม่ผ่านเงื่อนไขการขอสินเชื่อจากธนาคาร โดยโครงการบ้านเพื่อคนไทยเชียงใหม่ ทราบข้อมูลว่าเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาด 40-50 ตารางเมตร มีจำนวน 35 หลัง แต่มีผู้จองสิทธิกว่า 3 หมื่นคน สาเหตุเชื่อว่ามาจากหลายปัจจัย อาทิ ทำเลที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง เพราะบ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้าน ปัจจุบันจะอยู่นอกเมือง เลยวงแหวนรอบ 3 และ เข้าไปในซอยลึก ส่วนอีกสาเหตุ คือ การพิจารณาให้สินเชื่อของธนาคารในขณะนี้ค่อนข้างยาก ที่ผ่านมามีจำนวนการปฏิเสธให้สินเชื่อสูงถึง 40-50 %

สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหารินทรัพย์เชียงใหม่ ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด 19 มีความต้องการซื้อบ้านอยู่ที่ปีละ 14,000-15,000 ล้านบาท เป็นบ้านแนวราบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และ แนวสูง หรือ คอนโดมิเนียมประมาณ 4,000 ล้านบาท แต่หลังวิกฤตโควิด ความต้องการซื้อ ลดลงเหลือ 1 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านแนวราบประมาณ 8,000 ล้านบาท และ เป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 2,000 ล้านบาท
แม้ความต้องการซื้อจะตกลง 30% แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน โดยกลุ่มบ้านแนวราบที่ฟื้นตัวชัดเจน คือ บ้านระดับราคา 5 ล้านขึ้นไป ส่วนคอนโดมิเนียม กลุ่มที่กำลังซื้อเพิ่มขึ้น คือ ชาวบ้านต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน เป็นชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ และ ฮ่องกง ประมาณ 60-70% ที่เหลือเป็นชาวจีนจากไต้หวัน มาเลเซีย และ สิงคโปร์
กรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ระบุว่าขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่มีบ้านเหลือรอขาย รวมกันประมาณ 12,000 ยูนิต เป็นบ้านแนวราบ 8,000 กว่ายูนิตและ ที่เหลือเป็นคอนโดมีเนียม โดยหากรัฐบาลมีแนวติดจะช่วยคนไทยให้มีบ้านหลังแรกเป็นของตนเอง ก็ควรสนับสนุนการออกสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และ ผ่อนปรนการพิจารณาสินเชื่อ เพราะความต้องการซื้อบ้านมีอยู่ แต่การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างเคร่งครัด

เราต้องยอมรับว่าราคาบ้านกับราคาที่ดินเติบโตเร็วกว่ารายได้ของคน เพราะกว่าคนจะออมเงินเพื่อขอสินเชื่อซื้อบ้านในราคา 3 ล้านบาท จะต้องออมเงิน 3 แสนบาทสำหรับเป็นเงินดาวน์ อาจจะต้องใช้เวลา 3 ปี แต่เมื่อครบกำหนด ราคาบ้านกลับปรับเพิ่มเป็น 3.5 ล้านบาทแล้ว การที่รัฐบาลหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยถูก และ ผ่อนปรนเงื่อนไข จะทำให้ความต้องการซื้อบ้านกลับคืนมา
สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังมีข้อเสนอให้รัฐบาลมีนโยบายผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านเดี่ยวได้ นอกเหนือจากคอนโดมีเนียม โดยกรณีให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านเดี่ยวได้ ควรกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม อาทิ การจำกัดสิทธิในการซื้อ การกำหนดภาษีให้มากกว่าคนทั่วไป เพราะเชื่อว่ากำลังซื้อของชาวต่างชาติ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้นได้
รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ