เคยวัดความดัน แล้วเห็นตัวเลข 120/80 หรือ 140/90 แล้วสงสัยหรือไม่ ค่าตัวบน/ค่าตัวล่าง มีความหมายอย่างไง และตัวเลขนี้บอกอะไรถึงร่างกายของแต่ละคน มาหาคำตอบกัน
ความดันโลหิต คือ ค่าความดันภายในหลอดเลือดแดง เกิดจากการบีบตัวของหัวใจส่งเลือดผ่านหลอดเลือด นำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วตัวเลข ค่าตัวบน/ค่าตัวล่าง คืออะไร
- ค่าตัวบน - ตัวเลขตัวแรก เช่น 120 = แรงดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว (Systolic Blood Pressure)
- ค่าตัวล่าง - ตัวเลขตัวสอง เช่น 80 = แรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว (Diastolic Blood Pressure)
ตารางเกณฑ์ ระดับความดันโลหิต ตัวเลขปกติคือเท่าไหร่
ตารางเกณฑ์ระดับความดันโลหิต ค่าความดันโลหิตระดับไหนอันตราย ต้องรีบพบแพทย์ทันที โดยตัวเลขเท่าไรจะอยู่ในเกณฑ์ปกตินั้น ต้องดูทั้งค่าบน และค่าล่างประกอบกัน

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค เมื่อปี 2567 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกว่า 14 ล้านคน แต่มีเพียง 7 ล้านคนที่เข้ารับการรักษา หากไม่สามารถควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม อาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อน เช่น อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด และไตวายเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิต
โรคความดันโลหิตสูง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมได้ด้วย ยาและการปรับพฤติกรรม ผู้ป่วยบางรายที่ปรับพฤติกรรมได้ดี อาจสามารถหยุดยาได้ตามแพทย์เห็นสมควร
ระดับความดันโลหิตที่ควรเฝ้าระวัง
ดังนั้นประชาชนควรวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท หากเกิน 130/80 มิลลิเมตรปรอท คือ เริ่มสูง ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หากสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าป่วยเป็นความดันโลหิตสูงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้ารับการรักษา หากเกิน 160/100 มิลลิเมตรปรอท คือ สูงมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และหากเกิน 180/110 มิลลิเมตรปรอท สูงถึงขีดอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
สำหรับผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง ทำอย่างไร
- ผู้ถูกวัดความดันเตรียมตัวก่อนการวัด ไม่ดื่มชา กาแฟ ไม่สูบบุหรี่ และไม่วิตกกังวล
- ใช้เครื่องวัดความดันโลหิตที่ได้มาตรฐาน
- มีท่าทางการวัดที่ถูกต้อง วางแขนไว้บนโต๊ะ ให้ปลอกแขนวัดความดัน อยู่ระดับเดียวกับหัวใจ ในขณะที่วัดความดัน
- ค่าความดันโลหิต หรือ แรงดันในหลอดเลือด มีหน่วยวัดมิลลิเมตรปรอท(มม.ปรอท /mmhg)

เมื่อไม่นานมานี้ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้แชร์ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "วิธีลดความดันโลหิต" ผ่านเพจ "หมอเจด" พร้อมเล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า เคยมีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ที่มาพร้อมกับปัญหาสุขภาพ ทั้ง เบาหวาน ไขมัน รวมถึงความดัน
และเชื่อว่าหลายคนก็เจอกับปัญหานี้และไม่ว่าจะลองวิธีไหนก็ยังไม่ดีขึ้น จึงได้ลองปรับพฤติกรรมและพบว่าวิธีเหล่านี้ช่วยลดความดันได้จริง จนแทบไม่ต้องพึ่งยา แถมสุขภาพโดยรวมก็ดีขึ้น
ควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร
หลายคนรู้ว่า "กินเค็มทำให้ความดันสูง" แต่เคยสงสัยไหมว่า เราก็ไม่ได้กินเค็มขนาดนั้น แล้วทำไมความดันยังสูงอยู่ ซึ่งที่จริงแล้ว "โซเดียม" ไม่ได้มาจากแค่เกลือที่ใช้ปรุงอาหาร แต่แฝงอยู่ในอาหารหลายชนิด เช่น อาหารแปรรูป น้ำซุปก้อน อาหารหมักดอง ขนมกรุบกรอบ และน้ำจิ้มต่าง ๆ ซึ่งบางอย่างรสชาติอาจจะไม่ได้เค็มจัด แต่แฝงไปด้วยโซเดียมเพียบ เพราะมีการเติมน้ำตาลให้รสกลมกล่อมจนเรารู้สึกว่าไม่เค็ม
ฉะนั้น "วิธีลดโซเดียมในอาหาร" จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ไส้กรอก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และซอสปรุงรสต่าง ๆ นอกจากนี้ ควรอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหาร ให้เลือกที่มีโซเดียมน้อย ใช้เครื่องปรุงรสที่โซเดียมต่ำ เช่น เกลือหิมาลัย หรือซีอิ๊วสูตรลดเกลือ
ลดน้ำหนักแม้เพียง 5-10% ก็ช่วยได้มาก
น้ำหนักตัวมีผลต่อความดันโลหิต หากลดน้ำหนักลง 5-10% ของน้ำหนักตัว ความดันก็สามารถลดลงได้ ซึ่งตัวอย่างของ นพ.เจษฎ์ เองที่เคยหนัก 110 กิโลกรัม พอลดลงเหลือ 99 กิโลกรัม แค่ 10 กิโลกรัม ความดันก็ลดจาก 140/90 เหลือประมาณ 120/80 รู้สึกสดชื่นขึ้น หัวใจเต้นช้าลง และไม่เหนื่อยง่าย
ลองตั้งเป้าลดน้ำหนัก เดือนละ 2-3 กิโลกรัม ไม่ต้องเร่งรีบ แต่ให้ทำต่อเนื่อง ที่สำคัญปรับอาหารให้เป็นแนว คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ลดแป้งขัดสี น้ำตาล และเพิ่มโปรตีน ดี ๆ
ออกกำลังกาย ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ นพ.เจษฎ์ ยังแนะนำให้ "ออกกำลังกาย" ที่เป้าหมายไม่ใช่แค่ผอม แต่ช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้ อย่าตนเองก็ไม่ได้ออกกำลังกายทุกวัน มีบางวันที่่เดินเร็ววันละ 40-45 นาที ความดันก็ค่อยๆ ลดลงแบบเห็นได้ชัด
การออกกำลังกายช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ลดแรงต้านของเส้นเลือด ทำให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก แต่อย่าออกกำลังกายหนักเกินไปในช่วงแรก เพราะอาจทำให้ความดันพุ่งได้
ลดความเครียดและนอนให้เพียงพอ
ไม่เพียงการออกกำลังกาย ความเครียดและการนอนไม่พอ เป็นตัวกระตุ้นให้ความดันสูงขึ้น เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมนคอร์ติซอล และ อะดรีนาลีน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดหดตัว และความดันพุ่งสูงขึ้น จึงควรนอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง และ ทำสมาธิ ฝึกหายใจลึกๆ ฟังเพลงให้จิตใจสงบ
ที่สำคัญอย่าลืมหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์ก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจะรบกวนการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยให้หลับสนิท
เลิกบุหรี่และงดแอลกอฮอล์
หลายคนเคยได้ยินว่า ดื่มไวน์แดงวันละแก้วดีต่อหัวใจ ซึ่งอาจเป็นจริงสำหรับคนที่สุขภาพดี แต่หากคุณมีความดันโลหิตสูง ควรงดอย่างเด็ดขาด บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ ทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การงดสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ความดันโลหิตลดลงเร็วขึ้น
ฉะนั้น หากสูบบุหรี่ ควรเลิกทันที เพราะนิโคตินทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งตัวเร็วขึ้น ควรลดแอลกอฮอล์แบบศูนย์เลย ไม่ใช่แค่ลดลงนิดหน่อย
อ้างอิงข้อมูล : กรมควบคุมโรค
อ่านข่าว : ปิดตำนาน Gene Hackman นักแสดงดัง 2 ผลงานออสการ์
จับผู้ต้องหาระดับสั่งการส่งไอซ์ข้ามชาติ ยึดทรัพย์ 23 ล้านบาท