ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ใครบ้างเสี่ยง? เช็กอาการไข้อีดำอีแดงระบาดในโรงเรียน

สังคม
28 ก.พ. 68
14:36
4
Logo Thai PBS
ใครบ้างเสี่ยง? เช็กอาการไข้อีดำอีแดงระบาดในโรงเรียน
เตือน "ไข้อีดำอีแดง" ระบาดในเด็กช่วง 5 -15 ปี ในโรงเรียนพื้นที่ จ.สมุทรปราการ สั่งผอ.พิจารณาหยุดเรียนป้องกันการระบาด เช็กอาการเสี่ยง พบยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

วันนี้ (28 ก.พ.2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดโรคไข้อีดำอีแดงในโรงเรียนพื้นที่จ.สมุทรปราการ รัฐบาลห่วงใยสุขภาพของนักเรียน หากพบการระบาดในโรงเรียนขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาหยุดเรียน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอีดำอีแดง และเพื่อให้มีการดำเนินการควบคุมโรคที่เหมาะสม โดยให้เร่งดำเนินการล้างทำความสะอาดห้องเรียน ของใช้ในห้องเรียนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะทำการเปิดโรงเรียน

ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดเรียนขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยคัดกรอง นักเรียนหากพบว่ามีไข้สูง ตัวร้อน เจ็บคอ ลิ้นจะนูนแดงคล้ายผลสตรอว์เบอร์รี หรือมีสิ่งที่บอกเหตุที่น่าสงสัยว่าจะติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ผู้ปกครองพานักเรียนไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ

สำหรับไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี โดยแบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว

เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่านการไอหรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ

เช็กอาการไข้อีดำอีแดง 

อาการผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ มีไข้สูง เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก ลิ้นแดงเป็นปุ่ม ๆ คล้ายสตรอว์เบอร์รี และมีอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง มักจะมีอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

หากพบเด็กนักเรียนในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดอีดำอีแดง ขอให้บุคคลในครอบ ครัวหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ร่วมกับล้างมือก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่ประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 

ส่วนเพจหมอแล็บแพนด้า ระบุว่า ไข้อีดำอีแดงระบาด บางโรงเรียนต้องหยุดเรียน แบคทีเรียชนิดนึ้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่าน:

  • การไอหรือจาม
  •  การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก
  • การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
    อาการ

ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ

  • มีไข้สูง
  • เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล
  • ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก
  • ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆคล้ายสตรอเบอร์รี่
  • อาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง

เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งถ้าไม่รักษาอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติก หรือหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันได้

ถ้าพบการระบาดก็ควรให้หยุดเรียนหรือแยกตัวเด็กป่วยออกจากคนอื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง