ถ้าดูวิธีการเข้ามาของทุนจีน ที่เข้ามากว้านซื้อคอนโดมิเนียมห้องชุด ก่อนจะนำไปปล่อยเช่ารายวัน จะใช้ช่องโหว่ของกฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติครอบครอง ซื้อคอนโดได้ ร้อยละ 49 โดยใช้แค่พาสปอร์ตตัวจริง ใบรับรองการโอนเงินจากต่างประเทศ (ที่มาของรายรับ) ก็สามารถทำสัญญาขายกับเจ้าของห้องผ่านกรมที่ดิน และสามารถซื้อกี่ห้องก็ได้ ไม่มีเงื่อนเวลาในการครอบครอง
นั่นหมายความต่างชาติก็จะเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ สามารถไปทำอะไรต่อก็ได้ ยากต่อการตรวจสอบ
ส่วนอีกกรณีคือ คนไทยจัดตั้งบริษัทเอเจนซี่ เข้าไปกว้านซื้อคอนโดแบบยกชั้น ระหว่างการก่อสร้างกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จากนั้นก็จะเอาห้องที่ซื้อจากโครงการไปขายต่อให้กับต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ในกรณีนี้บริษัทเอเจนซี่จะได้ค่าคอมมิชชันจากเซลโครงการ และยังได้บวกกำไรค่าห้องที่ขายต่อให้กับคนจีน
แต่ผลกระทบที่ตามมาโครงการก็จะไม่รู้เลยว่า ห้องทั้งหมดถูกส่งตกไปอยู่มือคนจีน และพอเกิดเรื่องขึ้นทางบริษัทเอเจนซี่ก็จะลอยแพ ไม่ได้รับผิดชอบกับผลกระทบที่ตามมา
นักพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ และแอดมินเพจ "พ่อบ้านบ้าคอนโด" เปิดเผยว่า วิกฤตตอนนี้คือคนจีนไปกว้านซื้อคอนโดทำเลทอง เช่น สุขุมวิท เอกมัย มักกะสัน ห้วยขวาง ผลกระทบที่ตามมาคือเมื่อรู้ว่าการปล่อยเช่ารายวันผิดกฎหมาย ก็จะหาวิธีที่หลบหลีกการตรวจสอบ เช่น การเอากุญแจไปใส่ไว้ในตู้ข้างทาง ต้นไม้ และให้คนที่มาเช่ารายวันไปหยิบ หรือบางกลุ่มก็เอากุญแจไปฝากกับร้านอาหาร หรือวินจักรยานยนต์ให้ลูกค้าไปรับแทน
ขณะเดียวกันยังพบว่าหลายตึก เจ้าของห้องชาวจีนกลับมีรายชื่อเป็นคณกรรมการคอนโด ความน่ากังวลคือการที่ต่างชาติเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น คนไทยที่เป็นเจ้าของร่วมอาจตกที่นั่งลำบากในการมีบทบาทต่อกฎระเบียบในอนาคต
สอดคล้องกับนักวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ บอกว่าช่องโหว่สำคัญคือ "กฎหมาย" ถ้าเทียบกับต่างประเทศคนซื้อต้องอาศัยอยู่ในประเทศไม่ต่ำกว่า 1 ปี และหากซื้อแล้วก็อยู่อาศัยได้เพียง 50 ปี
แต่ไทยสามารถซื้อได้เลย และสามารถครอบครองได้ตลอดชีวิต
ทางออกระหว่างที่รอรัฐบาลพิจารณาหรือทบทวนตัวกฎหมายการครอบครองห้องชุด บริษัทเจ้าของโครงการควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และใช้ยาแรงแจ้งความเอาผิด พ.ร.บ.โรงแรม กับเจ้าของที่ลักลอบปล่อยห้องเช่ารายวันได้ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบต่อลูกบ้าน ขณะเดียวกันหน่วยงานด้านไซเบอร์ ก็อาจจะต้องไปตรวจสอบเว็บไซต์ที่ปล่อยให้เช่าห้องรายวันที่ผิดกฎหมายด้วย
ล่าสุดยังมีความเคลื่อนไหว จากผู้ประกอบการโรงแรม อย่างนายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทมองว่าเรื่องนี้ "ไม่แฟร์กับคนทำโรงแรม" เพราะคนทำโรงแรมกว่าจะได้ใบอนุญาตขายห้องพัก ต้องผ่านหลายขั้นตอน จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายมากกว่านี้ เพราะมองว่าไม่ได้กระทบต่อรายได้ของธุรกิจโรงแรมทังประเทศแล้ว ยังกระทบต่อสวัสดิภาพของการใช้ชีวิตของคนทั่วไปด้วย
อ่านข่าวอื่น :
ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย! ทูตจีนยันไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับทำตามกฎหมายสากล
ปรับวันละหมื่น! พ่อเมืองเชียงใหม่ลั่น เอาผิดคอนโดปล่อยเช่ารายวัน