วันนี้ (3 มี.ค.2568) ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานอนุกรรมการ พร้อมด้วยบุคลากรผู้แทนจาก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะอนุกรรมการ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ
หลังบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. พิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจในการดำเนินการตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง จึงมีมติให้คณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับการประชุมวันนี้ เป็นการประชุมของคณะที่ 4 คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ เรื่องสืบสวนที่151/2567 กรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561
รวมทั้งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นไปตามประกาศ กคพ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการร้องขอและเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาใดเป็นคดีพิเศษ พ.ศ.2561 ซึ่งประเด็นที่จะมีการหารือในวันนี้ คือ
- เรื่องที่เสนอนั้น เป็นการกระทำความผิดอาญาหรือไม่ และในฐานความผิดใด ซึ่งตามเดิมจะเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
- การกระทำในข้อ 1 มีลักษณะการกระทำความผิดเป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) - (จ) หรือไม่ อย่างไร หรือมีเหตุอื่นหรือไม่ อย่างไร
- มีเหตุสมควรเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือไม่ เช่น มีหน่วยงานใดดำเนินการแล้วหรือไม่ ทำแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง หรือจะมีเรื่องข้อสังเกตถึงความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ก็ให้ กกต.ชี้แจงมา แต่ในส่วนของการสอบสวนความผิดอาญานั้น ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ถ้าทำได้จะให้ดำเนินการในความผิดอาญาฐานใดจากทั้งหมด 3 ฐานดังกล่าว โดยจะไม่พูดถึงความผิดที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ทั้ง 6 ฉบับ
แต่การประชุมวันนี้จะพูดเรื่องความผิดฐานอาญาให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องด้วยกฎหมายของ กกต. ทั้ง 6 ฉบับ หากเป็นความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กกต. มักจะมอบให้พนักงานสอบสวนตำรวจ หรือดีเอสไอทำอยู่แล้ว โดยที่ กกต.จะไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการเอง เพราะ กกต. ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญชำนาญในเรื่องการสอบสวนคดีอาญาทั่วไป
สำหรับการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 6 มี.ค.2568 ซึ่งจะต้องมีผลสรุปของกรรมการแล้วว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ เบื้องต้นวิเคราะห์ได้ 3 แนวทาง คือ รับเป็นคดีพิเศษ, ไม่รับเป็นคดีพิเศษ และการมีข้อสังเกตของกรรมการเพื่อส่งต่อเรื่องให้หน่วยงานอื่นไปดำเนินการแทน เช่น อาจมอบให้ตำรวจไปดำเนินการแทน หรือส่งข้อสังเกตให้ทาง กกต.ไปพิจารณา
หาก กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าจะรับไปดำเนินการเองทั้งหมดทุกข้อกฎหมายก็ได้ หรือ กกต.อาจมอบส่วนหนึ่งส่วนใดให้ดีเอสไอไปดำเนินการ หรือมอบส่วนหนึ่งส่วนใดให้ตำรวจไปดำเนินการก็ได้ ทั้งนี้ เห็นว่าน่าจะไม่มีการเลื่อนโหวตมติในคดีดังกล่าวอีกต่อไปแล้ว