เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ หลังกลับสู่อำนาจ ซึ่งเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปีต่อรัฐสภาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2507 หลังทรัมป์ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 39 นาที และมากกว่าของ อดีต ปธน.บิล คลินตัน ที่เคยกล่าวสุนทรพจน์ไว้ในปี 2536 ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที
ทรัมป์เริ่มต้นด้วยการเน้นย้ำว่า นโยบายของเขามุ่งเน้นไปที่ "การทำให้อเมริการ่ำรวยและแข็งแกร่งอีกครั้ง" ผ่านมาตรการสำคัญ เช่น การขึ้นภาษีศุลกากร การตัดงบประมาณภาครัฐ และการต่อต้านสิ่งที่เขาเรียกว่า "วัฒนธรรมตื่นรู้ (wokeness)" อย่างไรก็ตาม คำปราศรัยครั้งนี้กลับกลายเป็นหนึ่งในคำปราศรัยที่แตกแยกทางการเมืองที่สุด เมื่อเกิดเหตุวุ่นวายในสภาฯ ตั้งแต่ช่วงต้น
สภาฯ เดือด! เดโมแครตชูป้ายต้านทรัมป์ - มัสก์
ขณะที่ทรัมป์กำลังกล่าวสุนทรพจน์ สส.อัล กรีน พรรคเดโมแครตจากเท็กซัส ได้ลุกขึ้นตะโกนขัดจังหวะซ้ำ ๆ จนทำให้ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชิญตัว สส.กรีน ออกจากห้องประชุม เหตุการณ์นี้ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดอย่างชัดเจน ฝั่งพรรคเดโมแครตเลือกที่จะ นั่งนิ่ง ไม่ปรบมือ ตลอดคำปราศรัย ขณะที่ทรัมป์ใช้โอกาสนี้โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย

ทรัมป์หันไปทางกลุ่มสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาฯ พร้อมกล่าวหาว่าเป็น "พวกซ้ายสุดโต่ง เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ เขายังเรียก เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากแมสซาชูเซตส์ว่า "โพคาฮอนทัส" ตามฉายาที่เขาเคยใช้โจมตีเธอในอดีต นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะกวาดล้างวัฒนธรรมตื่นรู้ และทำให้ "อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
นโยบายของทรัมป์ในช่วง 43 วันแรก ถูกดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการตัดงบประมาณหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเขาอ้างว่าจะช่วยลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ที่ส่งผลให้หลายโครงการถูกยุติลง ซึ่งทรัมป์อ้างว่าเป็นการกำจัดโครงการที่เต็มไปด้วยการฉ้อโกง ช่วงหนึ่งของคำปราศรัยกล่าวชื่นชม อีลอน มัสก์
มัสก์ไม่เคยต้องการตำแหน่งนี้ แต่เขายอมทำเพื่อประเทศ

ความตึงเครียดยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคน ชูป้ายประท้วง ต่อต้านทรัมป์และนโยบายของเขา ข้อความบนป้ายมีทั้ง "Musk Steals", "Lies", และ "Save Medicaid" เนื้อหาพุ่งเป้าไปที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวง "ประสิทธิภาพของรัฐบาล" (DOGE) หลังจากที่มัสก์ประกาศ ตัดงบประมาณสวัสดิการและโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจำนวนมาก รวมถึงโครงการ Medicaid ซึ่งเป็นระบบประกันสุขภาพสำหรับประชาชนรายได้น้อย

ในช่วงหนึ่งของคำปราศรัย ทรัมป์พูดถึง มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ ที่เขาประกาศใช้กับจีน เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงทันที แม้กระทรวงพาณิชย์จะส่งสัญญาณว่ามีโอกาสทบทวนมาตรการบางส่วนในวันถัดไป แต่ทรัมป์ยังคงยืนกรานว่าภาษีคือเครื่องมือที่ทำให้อเมริการวยขึ้น และมันจะได้ผลเร็ว
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวล โดยเฉพาะสมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและภาคธุรกิจ ทรัมป์ตอบโต้เสียงวิจารณ์เหล่านี้ด้วยการบอกให้เกษตรกรขายสินค้าในอเมริกาให้สนุก
เปลี่ยนชื่อแกรนด์แคนยอน-อนุญาตสายลับเด็ก
อีกประเด็นที่ได้รับความสนใจคือ การที่ทรัมป์ ลงนามคำสั่งบริหารเปลี่ยนชื่ออุทยานแห่งชาติหลายแห่ง โดยหนึ่งในนั้นคือ อุทยานแห่งชาติพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่าตามแนวชายฝั่งของรัฐเท็กซัส ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติ Jocelyn Nungaray" เพื่อเป็นเกียรติแก่เด็กหญิงวัย 12 ปีที่ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 2566
การเปลี่ยนชื่อดังกล่าวสร้างกระแสถกเถียงอย่างมากในสังคม โดยบางฝ่ายมองว่าเป็นการให้เกียรติผู้เสียชีวิตและเป็นการย้ำเตือนถึงอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่ฝ่ายตรงข้ามมองว่า การเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญระดับประเทศเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจมีแรงจูงใจทางการเมือง

มาตรการที่สร้างความตกตะลึงที่สุดในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้คือ การที่ทรัมป์ประกาศนโยบายใหม่ที่อนุญาตให้เด็กอายุเพียง 13 ปี ทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยอ้างว่าเด็กสามารถเข้าถึงแวดวงอาชญากรรมบางประเภทที่เจ้าหน้าที่รัฐทำไม่ได้
นโยบายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและกลุ่มปกป้องเด็ก ซึ่งมองว่า เป็นการนำเด็กไปเสี่ยงอันตราย และอาจส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของพวกเขาในระยะยาว แต่ทรัมป์กล่าวว่า
เด็กเหล่านี้เป็นนักสืบธรรมชาติ และพวกเขาสามารถช่วยป้องกันอาชญากรรมได้มากมาย

โจมตีไบเดน วิกฤตเศรษฐกิจ จุดยืนยูเครน
ด้านนโยบายต่างประเทศ ทรัมป์กล่าวถึง สงครามในยูเครน ซึ่งเขามองว่าเป็นภาระของสหรัฐฯ มาโดยตลอด เขาย้ำว่า "อเมริกาจ่ายเงินช่วยเหลือยูเครนมากเกินไป" และเรียกร้องให้ ยุโรปมีบทบาทมากขึ้น ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าทรัมป์ต้องการประกาศ ข้อตกลงแร่ธาตุหายากกับยูเครน ระหว่างคำปราศรัย แต่แผนดังกล่าวต้องล้มเลิกไป หลังเกิดข้อพิพาทกับ โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้จะมีความตึงเครียดระหว่างสองฝ่าย แต่ในวันเดียวกัน เซเลนสกีได้โพสต์ข้อความลง X แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) และแสดงความพร้อมในการเจรจาอีกครั้ง ทรัมป์ตอบกลับเรื่องนี้ระหว่างคำปราศรัยว่า เขาซาบซึ้งที่เซเลนสกีส่งจดหมายมา แต่ยังไม่ยืนยันว่าเขาจะหารือกับเซเลนสกีเมื่อใด
ทรัมป์ยังคงใช้โอกาสนี้โจมตี อดีต ปธน.โจ ไบเดน โดยกล่าวว่าไบเดนเป็นต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่มากเกินไป เขากล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ได้รับมรดกเศรษฐกิจที่พังทลายและฝันร้ายเงินเฟ้อจากรัฐบาลที่แล้ว

ในช่วงท้ายของคำปราศรัย ทรัมป์กล่าวถึงความพยายามของสภาคองเกรสในการผลักดันกฎหมายใหม่เกี่ยวกับปัญหาชายแดน โดยระบุว่าเราไม่จำเป็นต้องมีร่างกฎหมายใหม่ สิ่งที่เราต้องการจริง ๆ คือประธานาธิบดีคนใหม่ แม้ทรัมป์จะพยายามเน้นย้ำว่าเขากำลังนำอเมริกาไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง แต่คำปราศรัยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความแตกแยกทางการเมืองที่รุนแรงยิ่งขึ้น และชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาของการต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่ดุเดือดมากขึ้น
อ่านข่าวอื่น :
6 ช้างแลก 6 บินรบ! เมียนมาจับมือรัสเซียท้าทายโลกตะวันตก
ทรูโดจวกทรัมป์ "โง่เขลา" แคนาดาขึ้นภาษีตอบโต้ 3 หมื่นล้าน
ยูเครนอ่อนข้อ พร้อมเจรจาทรัมป์อีกครั้ง รัสเซียชื่นชมหนทางสันติภาพ