กรณีตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บุกเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา 10 คน เครือข่ายน.ส.ธันยนันท์ หรือ "มินนี่" ใน จ.เลย อุดรธานี และกทม.หลังพบพฤติการณ์ ลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ ขณะถูกดำเนินคดีและ อยู่ในขั้นตอนรายงานตัวต่อศาล
วันนี้ (5 มี.ค.2568) ตำรวจได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์การพนันออนไลน์เครือข่าย “Betflik” ลักลอบเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเล่น เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า กลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ เป็นกลุ่มคนเดียวกันกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เคยถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์มาก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี
โดยกลุ่มผู้ต้องหายังได้มีการถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ในขณะที่กำลังเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลอีกด้วย ตำรวจจึงรวบ รวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่าย เว็บไซต์การพนันออนไลน์ 33 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มแรกเป็นกลุ่มบริหาร จำนวน 7 คน ได้แก่ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ เป็นเจ้าของเว็บไซต์และผู้จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ น.ส.อรณี เป็นเลขา และผู้รวบรวมเงินจากเว็บการพนันออนไลน์มามอบให้เจ้าของเว็บไซต์
ส่วนนายยุคณเดช นายชุมพล นายชาญชัย นายสิทธิพล และนายณัฐพงษ์ เป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสดจากบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเจ้าของบัญชีรับผลประโยชน์จากเว็บการพนันออนไลน์ 26 คน
เตรียมส่ง 10 ผู้ต้องหาฝากขัง 6 มี.ค.
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) ตำรวจได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกันจำนวน 13 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 คน โดยจับกุม น.ส.ธันยนันท์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บ ได้บริเวณบ้านพักย่านบางเขน
วันนี้จับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 คน ซึ่งเป็นบัญชีม้ารวมจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งฐานความผิดของผู้ต้องหาแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามพฤติการณ์
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 กล่าวว่า 7 คนที่เป็นผู้บริหาร เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2566 ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวในการต่อสู้คดี ซึ่งคดีของน.ส.ธันยนันท์ และน.ส.อรณีอยู่ในชั้น ป.ป.ช.อยู่ในระหว่างการไต่สวน
ส่วนอีก 5 คนที่เหลือ ถูกสั่งฟ้องไปบ้างแล้วในชั้นอัยการ และบางคนอยู่ระหว่างการประกันตัว โดยในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) จะคุมตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด 10 คน ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นการทำผิดซ้ำ
เปิดพฤติการณ์เปลี่ยนชื่อ 7 เว็บพนันตบตา
ส่วนพล.ต.ท.ไตรรงค์ อธิบายถึงพฤติการณ์ของการกระทำความผิด ที่กลุ่มผู้ต้องหามีถึง 7 เว็บไซต์ว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้ชื่อต้นในการจดโดเมนเนมหรือชื่อเว็บไซต์ที่เหมือนกัน และจะจดหลาย ๆ ชื่อ แต่จะเปลี่ยนตัวเลขหรือเปลี่ยนนาม สกุล เพื่อป้องกันกรณีถูกจับจะได้ถ่ายโอนลูกค้า และเรียกลูกค้ากลุ่มเดิมกลับมา ทำให้ทางตำรวจยากต่อการสืบสวน
แต่กรณีนี้ตำรวจสืบสวนธุรกรรมทางการเงินจนไปเชื่อมโยงถึงผู้กระทำความผิดทั้ง 33 คน โดยเฉพาะ 7 คนที่เป็นกลุ่มเดิม ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเว็บไซต์ทั้งการบริหารการเงิน บริหารบัญชีม้า และกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งยืนยันว่าการกระทำผิดครั้งนี้เป็นการกระทำผิดครั้งใหม่ แต่เพียงแค่ใช้รูปแบบและวิธีการเดิม
ยืนยันได้ว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่นำไปสู่การออกหมายจับ ซึ่งจากการตรวจสอบการกระทำความผิดตั้งแต่ปี 67 จนถึงปัจจุบัน พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และยังหมุนเวียนเป็นเงินไทย วนอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 33 คน
พบแชตคุยนาย ตร.ขอความช่วยเหลือ
ส่วนที่มีข้อมูลว่าตำรวจตรวจพบการแชตสนทนาลักษณะขอความช่วยเหลือจากบุคคลสำคัญปรากฏในโทรศัพท์ของมินนี่ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากมีข้อมูลจำนวนมาก ยืนยันว่าหากข้อมูลหรือหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับบุคคลใดก็ตาม จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น
ส่วนจะมีความพัวพันกับอดีตนายตำรวจหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน หากใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด จะพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด
สำหรับกรณีของน.ส.ธันยนันท์ ที่คดีเก่าอยู่ที่ ป.ป.ช. และมีการกระทำผิดซ้ำ ทางป.ป.ช.จะพิจารณาถอนประกันหรือไม่ ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการพิจารณา โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยเฉพาะน.ส.ธันยนันท์ ที่ขอให้การเป็นเอกสาร
ส่วนเหตุผลที่กลุ่มผู้ต้องหายังลักลอบทำผิดซ้ำในพฤติกรรมเดิมในการลักลอบเปิดให้เล่นพันออนไลน์นั้น ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลไว้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากไม่อยากให้มีการเลียนแบบเทคนิคเกิดขึ้น และเทคนิคดังกล่าวคาดว่ากลุ่มผู้ต้องหาเกิดความย่ามใจว่าจะหลีกเลี่ยงการจับกุม เมื่อปิดเว็บไซต์หนึ่งไปเปิดอีกเว็บไซต์หนึ่ง เจ้าหน้าที่อาจจะไม่รู้ จึงมากระทำผิดซ้ำ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเสนอปิดกั้น 7 เว็บไซต์การพนันดังกล่าว