การพูดเรื่องเพศกับลูกไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรเลย แต่กลับเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่-ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญมาก ๆ เพราะเมื่อเราพูดกับลูกตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเขาจะได้รู้จักกับร่างกายตัวเองและเรื่องเพศอย่างถูกต้อง จะช่วยให้พวกเขามีทักษะในการป้องกันตัวเองจากอันตรายได้ดีขึ้นในอนาคต
พ่อแม่-ผู้ปกครอง ครูคนแรกสอน "เรื่องเพศ" ให้ลูก
ในยุคนี้การเลี้ยงลูกไม่ใช่แค่เรื่องการสอนทักษะพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังต้องเน้นการพัฒนา ทักษะ EF (Executive Function) เช่น การควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ และการคิดแก้ปัญหาที่ดี ซึ่งทักษะเหล่านี้จะช่วยให้ลูกเติบโตมาเป็นคนที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจในตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่ที่มีความยากจน ห่างไกลความเจริญ หรือครอบครัวที่มีความเชื่อว่าโรงเรียนคือที่เดียวที่มีความรู้ พ่อแม่-ผู้ปกครองอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องสอนเรื่องเพศเอง หรือบางครอบครัวอาจไม่มีโอกาสได้เข้ารับการอบรมหรือรับข้อมูลที่เกี่ยวกับการสอนเรื่องเพศจากแหล่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่เลยฝากให้โรงเรียนทำหน้าที่แทน
แต่ถึงอย่างนั้น พ่อแม่-ผู้ปกครองก็ยังสามารถใช้โอกาสในชีวิตประจำวันสอนลูกได้ เช่น ใช้เวลาที่อยู่กับลูกในการพูดคุยเรื่องร่างกาย หรือพูดถึงการเคารพซึ่งกันและกัน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
สอน "เรื่องเพศ" ให้ลูกเมื่อไหร่ดี ?
การเริ่มต้นสอนเรื่องเพศนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกโตหรือถึงวัยรุ่น แต่ควรเริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ โดยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับวัยและการเข้าใจของลูก
- วัยเด็กเล็ก (0-5 ปี)
ในช่วงวัยนี้ การสอนควรเน้นไปที่การสร้างความคุ้นเคยกับร่างกายของตัวเด็กเอง พ่อแม่-ผู้ปกครองควรสอนให้ลูกรู้จักอวัยวะส่วนต่าง ๆ รวมถึงอวัยวะเพศ และเรียกชื่อให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ที่ไม่เหมาะสม หรือคำที่ทำให้เด็กรู้สึกอาย สอนให้ลูกรู้ว่าร่างกายของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญ และไม่มีใครมีสิทธิ์มาสัมผัสโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ หน้าอก และ ก้น สอนให้ลูกรู้จักความแตกต่างระหว่างสัมผัสที่ดี (เช่น การกอด การลูบศีรษะ) และสัมผัสที่ไม่ดี (เช่น การสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศโดยไม่ได้รับอนุญาต)
- วัยเรียน (6-12 ปี)
เมื่อลูกเข้าสู่วัยเรียน ควรเริ่มอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในช่วงวัยรุ่น เช่น การมีประจำเดือนในเด็กผู้หญิง และการเปลี่ยนแปลงของเสียงในเด็กผู้ชาย สอนเรื่องความสัมพันธ์ที่เหมาะสม และการเคารพผู้อื่น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และการไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น สอนเรื่องการป้องกันตัวเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยสอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธอย่างหนักแน่น และกล้าที่จะบอกผู้ใหญ่ที่ไว้ใจเมื่อถูกล่วงละเมิด
- วัยรุ่น (13-18 ปี)
ในช่วงวัยรุ่น ควรพูดคุยกับลูกอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิด และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง สอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบ และการตัดสินใจที่ถูกต้อง โดยเน้นย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน สนับสนุนให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเพศ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ และการเคารพสิทธิของผู้อื่น

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
วิธีการสอนเรื่องเพศให้ลูก
1. สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและไม่ตัดสิน การสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างจะช่วยให้ลูกกล้าที่จะถามคำถามโดยไม่รู้สึกอายหรือกลัวว่าพ่อแม่จะตำหนิหรือทำโทษ หากลูกมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ พ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่ควรขำหรือตอบแบบขอไปที ควรตอบด้วยท่าทางที่เป็นมิตรและตอบอย่างตรงไปตรงมา
ลูกถาม : ทำไมผู้ชายยืนฉี่ แต่ผู้หญิงนั่งฉี่ ?
พ่อแม่-ผู้ปกครองตอบ : ร่างกายของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การฉี่แบบยืนหรือแบบนั่งเป็นแค่ความแตกต่างทางกายภาพที่มาจากเพศ แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะดูแลร่างกายของตัวเองอย่างดีนะจ๊ะ
2. ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย คำศัพท์หรือข้อมูลที่ใช้ในการอธิบายเรื่องเพศควรเหมาะสมกับวัยของลูกเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกงงหรือสับสน ให้ลูกเข้าใจได้ง่ายและรู้สึกสบายใจ
ลูกถาม : ประจำเดือนคืออะไร?
พ่อแม่-ผู้ปกครองตอบ : ประจำเดือนคือเลือดที่ออกจากร่างกายของผู้หญิงทุกเดือน เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูก แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
3. ใช้ชีวิตประจำวันเป็นโอกาสสอน การสอนผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้ลูกเรียนรู้เรื่องเพศได้โดยไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับหรือบทเรียนที่เครียด หากลูกเห็นข่าวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในทีวีหรือในข่าวสาร การอธิบายให้ลูกเข้าใจเรื่องนี้ก็เป็นโอกาสดีในการสอนเรื่องการป้องกันตัวเอง
พ่อแม่-ผู้ปกครองสอน : การล่วงละเมิดทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครเลย ถ้าใครทำสิ่งที่ลูกไม่สบายใจหรือจับต้องร่างกาย ลูกสามารถพูดคำว่า "ไม่" และไปอยู่กับคนที่ลูกรู้สึกปลอดภัย และบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก
4. ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง อย่าให้ข้อมูลผิด ๆ บิดเบือน หรือตอบแบบขอไปที เพราะจะทำให้ลูกเข้าใจผิดและอาจทำให้พวกเขาตัดสินใจผิดในสถานการณ์จริง
ลูกถาม : ถ้าเพื่อนในโรงเรียนพูดว่าไม่ต้องใช้ถุงยางเวลาเป็นแฟนกัน จะเป็นอะไรไหม?
พ่อแม่-ผู้ปกครองตอบ : การใช้ถุงยางเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ถ้าเรามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เราอาจเสี่ยงต่อการติดโรคได้
ให้หลีกเลี่ยงการตำหนิ หรือเตือนลูกว่า อย่าไปคบกับเพื่อนที่มีความคิดแบบนั้น เพราะจะทำให้ลูกสับสน และอาจต่อต้านได้ หากพวกเขาอยู่ในวัยที่ต้องการการยอมรับจากเพื่อน สังคม ให้พ่อแม่-ผู้ปกครอง พุ่งประเด็นตอบคำถามที่จะช่วยให้ลูกได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
5. สอนทักษะการป้องกันตัวเอง ฝึกให้ลูกกล้าปฏิเสธและกล้าพูดคำว่า "ไม่" เมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย จะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการปกป้องตัวเอง
ลูกถาม : ถ้าคนแปลกหน้าเข้ามาคุยกับหนู แล้วหนูไม่ชอบ ต้องทำยังไง ?
พ่อแม่-ผู้ปกครองตอบ : ถ้ามีคนแปลกหน้ามาขอให้ทำอะไรที่ลูกไม่สบายใจ เช่น ขอจับมือ กอด ลูกต้องพูดว่า "ไม่" ด้วยเสียงดังชัดเจน แล้วรีบเดินไปหาคนที่ลูกรู้จักทันที

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
6. สร้างความร่วมมือกับโรงเรียนและชุมชน การพูดคุยกับครูและผู้ดูแลเด็กในโรงเรียนเพื่อให้การสอนเรื่องเพศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ช่วยให้ลูกได้รับข้อมูลที่ตรงกันทั้งที่บ้านและในโรงเรียน
หากครูในโรงเรียนจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการสอนเรื่องเพศ พ่อแม่-ผู้ปกครองสามารถร่วมมือกับครูและสนับสนุนกิจกรรมนี้ โดยการพูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ในโรงเรียน และหากมีคำถามหรือข้อสงสัยก็สามารถถามพ่อแม่ได้ การทำให้การเรียนรู้เรื่องเพศเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งที่บ้านและโรงเรียนจะทำให้ลูกมีความเข้าใจมากขึ้นและรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยในเรื่องนี้

พ่อแม่ก็ต้องเลิกอายที่จะคุยกับลูก "เรื่องเพศ"
การเปิดใจคุยเรื่องเพศกับลูก อาจเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อแม่หลายคนรู้สึกเขินอาย แต่เชื่อเถอะว่า การเริ่มต้นพูดคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ ได้ดีกว่าการปล่อยให้ลูกไปเรียนรู้เองจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่-ผู้ปกครอง ต้องกล้าที่จะก้าวข้ามความอาย และเปิดใจเรียนรู้เรื่องเพศที่ถูกต้อง เพื่อนำมาถ่ายทอดให้ลูกเข้าใจได้ง่าย ๆ ด้วยภาษาที่เหมาะสมกับวัยของเขา
เด็ก ๆ ในยุคนี้เติบโตมาในโลกที่แตกต่างจากยุคของเราอย่างสิ้นเชิง สังคม วัฒนธรรม และมุมมองของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การเปิดใจรับฟังและทำความเข้าใจความคิดของลูก จะช่วยให้พ่อแม่-ผู้ปกครองสามารถสื่อสารเรื่องเพศกับพวกเขาได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จะช่วยให้เราสามารถเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนคู่คิดที่ดีให้กับลูกได้ และเป็นเกราะป้องกันภัยร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อ่านข่าว :