หากพูดถึงสิทธิของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ขณะนี้อาจมี 2 เรื่องที่ประชาชนกำลังติดตาม คือ การปรับเกณฑ์สำหรับผู้ส่งเงินเข้ากองทุนในมาตรา 33 และมาตรา 39 เพื่อให้ผู้ประกันตนได้สิทธิมากขึ้นหลังเกษียณหรือการรับเงินบำนาญต่างๆ และการควบรวมสิทธิประโยชน์กองทุน 3 กองทุน ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง), กองทุนประกันสังคม และสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
นายธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน คณะกรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีหลายประเด็นที่ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าใจเรื่องสูตรบำนาญใหม่ หลังจากนั้นมีการสื่อสารกับนักคณิตศาสตร์ประกันภัยให้ทำความเข้าใจกับผู้ที่ยังไม่เข้าใจ รวมถึงปรับคำอธิบายเพื่อให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น เพราะการปรับสูตรบำนาญเป็นเรื่องใหม่และละเอียดอ่อนสำหรับผู้ประกันตน
หลักการในการปรับเกณฑ์บำนาญของมาตรา 33 และมาตรา 39 ดีกับผู้ประกันตนมากกว่าเดิมอย่างไรนั้น อยากให้มองย้อนกลับไปในอดีต ผู้เสียสิทธิจากสูตรบำนาญเก่ามีหลายส่วน
"ส่วนแรกมาตรา 39 เสียสิทธิแน่นอน เพราะจากคนที่เคยส่งมาตรา 33 มา เงินเดือน 15,000 บาทมาตลอด แล้วมาต่อมาตรา 39 เท่ากับว่าเขาโดนลดเงินเดือนที่คิดจาก 15,000 เป็น 4,800 บาท เขาสมควรจะต้องได้บำนาญประมาณ 4,000 - 5,000 กว่าบาท กลายเป็นได้ 1,000 กว่าบาท นี่คือความเหลื่อมล้ำของสูตรเก่า และเรื่องคนเข้า-ออกงานในช่วงระยะเวลา 5 ปีสุดท้าย บำนาญสูตรเก่าจะคิด 60 เดือนสุดท้ายของการทำงาน เท่ากับว่า 5 ปีหลัง แต่หากออกจากงานในช่วงใกล้เกษียณอายุคือ 5 ปีหลัง แล้วเงินเดือนลดลง เขาจะถูกคำนวณบำนาญให้น้อยลงไปอีก"
อ่านข่าว : ถอดสูตรคำนวณ "บำนาญชราภาพ" ประกันสังคม

นายธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน คณะกรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน
นายธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน คณะกรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน
นายธนพงษ์ กล่าวว่า การปรับสูตรบำนาญเป็นการปรับเพื่อความเป็นธรรมของทุกมาตรา หรือทุกคนที่ส่งระบบประกันสังคม โดยสูตรใหม่จะคำนวณตลอดอายุการส่งของเงินสมทบของผู้ประกันตนทั้งหมด ย้อนหลังไปตั้งแต่ปีแรกที่เขาเคยส่ง ซึ่งเป็นการปรับล้อไปกับการปรับขึ้นเพดานเงินสมทบในปี 2569 โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยของประกันสังคมคำนวณล่วงหน้าแล้วว่า หากมีการปรับสูตรใหม่จะมีเงินเพิ่มขึ้นสนับสนุนเรื่องของบำนาญสูตรใหม่ปีละ 6,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ตรงนี้เมื่อมีการปรับเพดานเงินสมทบควบคู่ไปด้วยจะไม่มีผลกระทบต่อกองทุน
นอกจากนี้ การปรับสูตรบำนาญใหม่จะทำให้ความเหลื่อมล้ำของคนที่ได้รับบำนาญน้อยลง สำหรับคนที่อยู่มาตรา 33 ที่กังวลว่าจะได้บำนาญน้อยลงนั้น ประกันสังคมได้คิดทบทวนแล้วว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปี จากการคำนวณของสูตรใหม่ จะมีช่องว่างในคนที่อยู่มาตรา 33 ที่จ่ายตั้งแต่ 15,000 บาท ตั้งแต่แรกถึงปีสุดท้ายที่เกษียณอายุ ในการคำนวณอาจจะลดลงตามค่าเฉลี่ยของเงินสูตรใหม่ แต่มีการเยียวยา โดยในปี 2568-2569 จะชดเชยให้กับผู้ประกันตน 100% หลังจากนั้นเมื่อมีการปรับเพดานเงินสมทบ ค่าเฉลี่ยของสูตรบำนาญจะค่อยๆ ปรับใกล้เคียงกับสูตรเก่า เท่ากับว่าเกิน 5 ปีแล้วจะไม่มีผลกระทบใดๆ กับผู้ประกันตนในมาตรา 33
ส่วนเพดานเงินสมทบ ในปี 2569 จะปรับจากปัจจุบัน 15,000 เป็น 17,500 บาท, อีก 3 ปีถัดไปจะปรับขึ้นเป็น 20,000 บาท และอีก 3 ปีถัดไปก็จะปรับเป็น 23,000 บาท ซึ่งจะปรับขึ้นเป็นขั้นบันได ทำให้กองทุนประกันสังคมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และการปรับเพดานเงินสมทบจะล้อกับการปรับสูตรบำนาญ ทำให้คนที่ได้บำนาญตันอยู่ที่ 15,000 บาทจะค่อยๆ ขยับบำนาญเพิ่มขึ้น และเมื่อมีการปรับเพดานเงินสมทบ ไม่ใช่เพิ่มเพียงแค่เงินบำนาญเท่านั้น แต่สิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็จะเพิ่มตามไปด้วย
ระบบประกันสังคมไม่มีการปรับเพดานเงินสมทบมานานตั้งแต่ปี 2533 เท่ากับว่ากองทุนยังอยู่กับที่ ไม่เติบโต แต่ในหลายประเทศมีการปรับเพดานเงินสมทบตามอัตราเงินเฟ้อของแต่ละปี ทำให้การปรับสิทธิประโยชน์จะเพิ่มตามเงินที่สมทบเข้ามา

สำหรับการหารือในวันที่ 11 มี.ค.นี้ คาดหวังว่าเรื่องบำนาญจะมีการอนุมัติให้ผ่าน แต่หากเกิดเหตุขัดข้องหรือเข้าใจไม่ตรงกัน ก็อาจจะทำให้การผ่านสูตรบำนาญล่าช้าและมีผลกระทบต่อการคำนวณสูตรตามไปด้วย
อ่านข่าว : "รักชนก" ตั้งข้อสังเกตประกันสังคมซื้อตึก 7,000 ล้าน เอื้อประโยชน์บางกลุ่ม
นายธนพงษ์ ยังกล่าวถึงการควบรวม 3 กองทุน ว่า ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ เปิดช่องให้ประกันสังคมสามารถรวมกองทุนได้ แต่บอร์ดชุดนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง มีเพียงการเปิดประเด็นไว้เท่านั้น ซึ่งทีมประกันสังคมก้าวหน้า มองเรื่องหลักประกันสุขภาพหมู่ควรเป็นหลักประกันเดียวกันของคนทั้งประเทศ แต่ปัจจุบันประกันสังคม, สปสช. หรือหลักประกันสุขภาพของข้าราชการ มีความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง
ขณะที่การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทุกปี สปสช.จะมีหนังสือสอบถามมาทางประกันสังคมและการรักษาของข้าราชการ ซึ่งก็มีการตอบกลับไปทุกปีว่ายังไม่พร้อม ในอดีตอาจเป็นบอร์ดจากการแต่งตั้ง แต่บอร์ดชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง จึงมองว่าเรื่องนี้อาจเป็นประเด็นในอนาคตที่น่าจะขับเคลื่อนได้และเป็นการรวมกองทุนที่มีประโยชน์กับประชาชนทุกคน หากรวมกองทุนได้จริงก็อาจจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น
ส่วนจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ปัจจุบันนี้บอร์ดประกันสังคมมีอำนาจแค่นำเสนอในการให้แสดงความคิดเห็น แต่หลักๆ อยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องแก้กฎหมายเพิ่มเติมด้วย
"อยากฝากไปยัง สส. กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน หรือภาคราชการ ว่า เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่เก่า ไม่ใหม่ แต่เป็นเรื่องที่คนสนใจมากขึ้น ถ้าขับเคลื่อนไปได้ในระดับหนึ่งก็จะเห็นความแตกต่างเรื่องความเหลื่อมล้ำในการรักษามากขึ้น แต่อนาคตจะปรับได้ขนาดไหนก็ขึ้นอยู่ที่เราปรับแก้ ซึ่งเรื่องการรักษาของภาคประชาชนควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทุกคนควรมีสิทธิเท่ากันในระบบประกันสุขภาพหมู่ทั้งประเทศ" นายธนพงษ์ กล่าว
อ่านข่าว
"พิพัฒน์" ดันค่าแรง 400 ทั่วประเทศ ฝากบอร์ดไตรภาคีถก 12 มี.ค.
"บอร์ดเศรษฐกิจ" เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 3 กลุ่มอายุ 16-20 ปี ไตรมาส 2 - 3 ปีนี้