นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนฯ ตอกย้ำคำพูดหลังทำหนังสือที่ส่งถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ชี้แจงไปแล้วรอบหนึ่ง หากไม่ยอมแก้ไข จะไม่บรรจุลงวาระการประชุมของสภาฯ
เท่ากับจะไม่มีญัตติซักฟอกรัฐบาล ฝ่ายค้านที่เตรียมข้อมูลไว้ จะไม่ได้ทำหน้าที่อภิปรายในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน หรือพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค แจ้งกับสื่อว่า หัวหน้าพรรคจะร่วมเป็นทีมอภิปรายด้วย
ความจริงถือเป็นมิติใหม่สำหรับ พปชร. และสำหรับ พล.อ.ประวิตร ที่จะได้แสดงศักยภาพการเป็นฝ่ายค้านเป็นครั้งแรกเสียที แรก ๆ อาจมีคนค่อนขอดว่า จะอภิปรายรัฐบาลได้จริงหรือ เพราะนอกจากจะพูดไม่เป็น นอกจากคำว่า “ไม่ทราบ-ไม่รู้” แล้ว แม้แต่เวลายืนก็ยังจะทำไม่ได้
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประวิตร ที่คอยดูแลด้านความมั่นคงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโดยตลอดนั้น ยังเชื่อว่า เป็นคนกุมความลับในหลายด้านของรัฐบาลเอาไว้ รวมทั้งเรื่องการเจรจาที่เป็น “ความลับ” ระหว่างนายทักษิณ กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่นำไปสู่ “ดีลลับ” กระทั่งนายทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้เมื่อเดือนสิงหาคม 2566
ทั้งการเจรจา ทั้งเงื่อนไข การต่อรองของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะทางนายทักษิณ มีอะไรบ้าง มีหรือที่คนระดับ “ลุงป้อม” ที่คอยกำกับดูแลด้านความมั่นคงให้ จะพลาดหรือหลุดหูหลุดตาไปได้
ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เปิดเผยเงื่อนไขข้อแม้ขอนายทักษิณ มีอะไรบ้าง แค่นี้คนก็หูผึ่งแล้ว เพราะจู่ ๆ คนที่มีความผิด โดนศาลพิพากษาสั่งจำคุกหลายคดีรวมกัน 8 ปี คงไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้อย่างชิลล์ ๆ แบบนี้
จะถือเป็นการ “เอาคืน” นายทักษิณ ที่เคยกล่าวหา “ลุงป้อม” อย่างไม่ยอมไว้หน้า ทั้งเรื่องเกาะโต๊ะขอตำแหน่ง ผบ.ทบ. และขอเป็นประธาน ป.ป.ช.หลังเกษียณอายุราชการ ได้อย่างเจ็บแสบสาสมแล้ว
นี่จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไป รอคอยอยากจะฟัง หากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากเป็นเพราะเกมการเมือง หรือหวังเอาชนะคะคานกัน แล้วต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอย ขิงก็ราข่าก็แรง และนายวันนอร์ ในฐานะประธานสภาฯ ที่มีอำนาจเต็ม ไม่บรรจุญัตติลงในวาระเพราะฝ่ายค้านไม่ยอมแก้ไขญัตติ ทุกอย่างก็จบ
แม้จะเป็นความรับผิดชอบของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในเชิงการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝ่ายค้านอาจจะตกเป็นเป้าโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากกว่า เพียงเพราะไม่ยอมลดราวาศอก ไม่ยอมแก้ไขญัตติตัดชื่อนายทักษิณออกไป ทำให้สุดท้าย ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะการเปิดซักฟอกรัฐบาล ที่ปกติจะทำได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
พลาดจากปีนี้ไปต้องรอถึงปีหน้า และจะได้ชื่อว่า 2 ปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มีนายกฯ แล้ว 2 คน แต่ฝ่ายค้านไม่ได้ทำหน้าที่ตาม มาตรา 151 ได้เลยสักครั้งเดียว แล้วจะอ้างว่า เป็นเพราะรัฐบาลปิดโอกาส ก็ไม่อาจพูดเต็มปากได้เช่นกัน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล อาจโดนวิพากษ์ได้เพียงแค่ประเด็น “ใจแคบ”
หากฝ่ายค้านจะพิจารณาตัดสินใจใหม่ ยอมถอยสักก้าวลบชื่อนายทักษิณจากญัตติ เพื่อไปว่ากันในวันอภิปรายจริง ซึ่งในทางปฏิบัติก็มีแตะคนนอกเป็นปกติอยู่แล้ว จะเป็น “ทางออก”ที่ดีที่สุด
อยู่ที่จะทำหรือเปล่า?
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ครม.เคาะต่อ 4 เดือน "ลดค่าไฟกลุ่มเปราะบาง" 16.05 สต./หน่วย
เงินหมื่น "เฟสวัยรุ่น" คุณสมบัติกลุ่มเป้าหมาย-ใช้จ่ายอะไรได้
"อนุทิน" ตั้ง กก.สอบ "ประกันสังคม" แล้ว นายกฯ สั่งแรงงานดู "ความโปร่งใส"