วันนี้ (17 มี.ค.2568) CNN รายงานว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยระหว่างเดินทางกลับจาก Mar-a-Lago ทาง Air Force One ว่า การเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามยูเครน-รัสเซียนั้นมีความก้าวหน้ามากขึ้น เขาจะพูดคุยกับ ปธน.วลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในวันอังคารนี้ (18 มี.ค.) โดยทรัมป์ระบุว่า
เราต้องการดูว่าเราจะยุติสงครามนี้ได้หรือไม่ อาจจะได้ อาจจะไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามีโอกาสสูงมาก
นอกจากนี้ทรัมป์ยังเปิดเผยว่า ผู้เจรจาทั้ง 2 ฝ่าย คือยูเครนและรัสเซีย ได้หารือถึงการแบ่งทรัพย์สินบางส่วนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นที่ดินและโรงไฟฟ้า ทรัมป์เน้นว่าที่ดินเปลี่ยนไปเยอะมากนับตั้งแต่ก่อนสงคราม โรงไฟฟ้าก็เช่นกัน และเขายังคิดว่ามีการพูดคุยกันมาบ้างแล้วจากทั้ง 2 ฝ่าย ในเรื่องการแบ่งทรัพย์สินบางส่วน

การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นหลังยูเครนยอมรับข้อเสนอหยุดยิงชั่วคราว 30 วันจากสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้รัสเซียกลายเป็นฝ่ายที่ต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปูตินยังคงแสดงท่าทีคลุมเครือต่อข้อเสนอหยุดยิงของทรัมป์ โดยเขาให้ความเห็นว่ามอสโกเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ในทางทฤษฎี แต่เรียกร้องเงื่อนไขที่เข้มงวดจากยูเครน เช่น การยอมจำนนบางส่วน และย้ำว่ารัฐบาลยูเครนปัจจุบันเป็น "ต้นตอของสงคราม"
นอกจากนี้ รัสเซีย ซึ่งเริ่มยึดครองดินแดนยูเครนตั้งแต่ปี 2557 และรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2565 ทำให้ยูเครนสูญเสียที่ดินราวร้อยละ 11 ตามข้อมูลจาก Institute for the Study of War ยังยืนกรานว่าจะไม่คืนดินแดนที่ยึดครองไว้
ทางฝ่ายยูเครน ปธน.โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปฏิเสธการยอมเสียดินแดนอย่างเด็ดขาด ขณะที่ผู้นำยุโรปบางส่วนกังวลว่าการยอมจำนนต่อรัสเซียอาจเป็นการให้รางวัลปูตินสำหรับการรุกราน ท่าทีของทรัมป์ที่พร้อมมอบสัมปทานให้มอสโกตั้งแต่เริ่มต้น และการเอาใจปูติน ทำให้ชาติพันธมิตร NATO ในยุโรปหวั่นไหว เริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของการรับประกันความมั่นคงจากสหรัฐฯ ในระยะยาว
การเจรจาระหว่างผู้แทนสหรัฐฯ กับยูเครนและรัสเซีย จะดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ โดยเครมลินระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ผู้เจรจาสหรัฐฯ จะเดินทางไปรัสเซียเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เข้าร่วม สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ บอกกับ CNN ว่า การพูดคุยเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ และพบปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยปูติน "ยอมรับแนวความคิดของทรัมป์" ที่ต้องการยุติสงคราม เขามั่นใจว่าการหยุดยิงอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์

ปูตินเองกล่าวเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่า รัสเซียกำลังพยายามฟื้นความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเคยถูกลดลงเหลือ 0 จากรัฐบาลอเมริกันชุดก่อน และขณะนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์เริ่มขยับแล้ว มาดูกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
การเคลื่อนไหวของทรัมป์สะท้อนความพยายามเร่งรัดสันติภาพ แต่ก็สร้างความตึงเครียดในหมู่ชาติพันธมิตรที่เกรงว่ารัสเซียอาจใช้การหยุดยิงเพื่อเสริมกำลัง ขณะที่ยูเครนยังยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของตน การเจรจาครั้งนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทั้งโลกจับตามอง โดยเฉพาะประเด็นที่ดินและทรัพย์สินที่อาจถูกแบ่งแยก ซึ่งอาจกำหนดอนาคตของภูมิภาคนี้
อ่านข่าวอื่น :