ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ระดมสรรพกำลัง กวาดล้าง "บุหรี่ไฟฟ้า"

การเมือง
21 มี.ค. 68
15:16
270
Logo Thai PBS
ระดมสรรพกำลัง กวาดล้าง "บุหรี่ไฟฟ้า"
อ่านให้ฟัง
11:19อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กวาดล้าง "บุหรี่ไฟฟ้า" รัฐบาลเข้มปราบหนัก ผิดกฎหมาย-กระทบเยาวชน เปิดสถิติจับกุม "บุหรี่ไฟฟ้า" ในช่วง 26 กุมภาพันธ์ - 18 มีนาคม 2568 จับกุมได้ 1,741 คดี มูลค่ากว่า 231 ล้านบาท

คงไม่มีใครอยากให้ลูกหลานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ "บุหรี่ไฟฟ้า" ซึ่งกำลังกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและพื้นที่ใกล้สถานศึกษา หลังพบการลักลอบผสมสารเสพติด ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตหลายกรณี

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมทั้งปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการสกัดกั้นการนำเข้าและการจับกุมผู้จำหน่ายภายใน 30 วัน โดยร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกรมศุลกากร

ผลจากการปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 18 มีนาคม 2568 รวม 21 วัน สามารถจับกุมได้ 1,741 คดี มูลค่าของกลางกว่า 231 ล้านบาท และปิดกั้นเพจ/เว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 9,500 เพจ

อ่านข่าว ขีดเส้น 30 วัน! "แพทองธาร" ส่งชุดโดเรมอนปราบบุหรี่ไฟฟ้า

ยกเคสจับ ล็อกใหญ่ "บุหรี่ไฟฟ้า"   

ตั้งแต่ต้นปี 2568 ประเทศไทยมีการจับกุมคดีเกี่ยวกับ "ยาเสพติด" และ "บุหรี่ไฟฟ้า ล็อตใหญ่หลายครั้ง จากการพยายามสกัดกวาดล้าง และเข้าตรวจค้นเป้าหมายหลายจุด แม้แต่ "นายกรัฐมนตรี" เองยังลงพื้นที่โกดัง ย่านบางบัวทอง เมื่อวันที่ 18 มี.ค. เพื่อตรวจสอบและแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและส่งออกบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ซึ่งสามารถยึดของกลางได้หลายแสนชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

การจับกุมครั้งนี้ ของกลางทั้งหมดจะส่งไปยังกรมศุลกากร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและขยายผลว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้าง และจะนำกฎหมายการฟอกเงินเข้ามาช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย ในส่วนของศุลกากรได้สั่งให้เข้มงวดเรื่องการลักลอบนำเข้าและการสำแดงสินค้า

สกัดเส้นทางนำเข้า "บุหรี่ไฟฟ้า"

อีกหนึ่งกรณีสำคัญ เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 120,000 ชิ้น ที่ซุกซ่อนมาในตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัยจำนวน 4 ตู้ ที่พบข้อมูลว่ามีการสำแดงมากับสินค้า ประเภทเฟอร์นิเจอร์ และไม่พบใบส่งสินค้าเข้าระบบตามเวลาที่กำหนด จึงอายัดไว้ตรวจสอบ

นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของบุหรี่ไฟฟ้า พบนำมาเข้าจากประเทศจีน เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา การตรวจสอบพบว่า 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ไม่ใช่เจ้าของเดียวกัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนตัวแทนบริษัทชิปปิ้งว่า เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าหรือไม่ โดยลักษณะการลักลอบจะนำบุหรี่ไฟฟ้าซุกซ่อนไว้ช่วงลึกของตู้คอนเทนเนอร์เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ แต่ดีเอสไอได้เบาะแสจึงประสานให้ตรวจสอบ   

ความพยายามกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าในช่วงนี้สำคัญไม่ต่างจากคำถามที่ว่า สินค้าผิดกฎหมายจำนวนมาก ถูกลักลอบนำเข้า และกระจายสู่ตลาด ส่งต่อถึงมือผู้สูบบุหรี่ทั่วไป จนถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนได้อย่างไร

การนำเข้าสินค้าผ่านศุลกากร คือเป็นด่านแรก ของผู้ที่ลักลอบนำเข้า แต่รองอธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันถึงมาตรการตรวจสอบสินค้าเข้าประเทศ ผ่านศุลกากรอย่างเข้มงวด แต่ยอมรับว่า การตรวจค้นอาจมีช่องโหว่ เพราะแต่ละวันมีสินค้านำเข้า มากกว่า 10,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งในทางปฏิบัติไม่สามารถตรวจสอบได้ทุกตู้

อ่านข่าว : ยึดบุหรี่ไฟฟ้านำเข้าจากจีน 1.2 แสนชิ้น มูลค่ากว่า 21 ล้าน

และกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น วันที่ 21 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา ชุดสายตรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 เข้าตรวจค้นบ้านหนึ่ง ย่านวังทองหลาง กทม. หลังสืบสวนพบมีการลักลอบจำหน่าย "บุหรี่ไฟฟ้า" ที่ผสม "สารเอโทมิเดท" สารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ค้นในบ้านพบยังพบ ยาอี 53 เม็ด, คีตามีน, หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 315 หัว, Happy Water 4 ซอง, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 38 เครื่อง 

พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผู้กำกับการสายตรวจ เปิดเผยว่า สอบสวนเบื้องต้น เจ้าของบ้านสารภาพว่าของกลางทั้งหมด เตรียมจำหน่ายให้กับลูกค้าในสถานบันเทิงย่านทองหล่อและสุขุมวิท โดยรับซื้อมาจากเครือข่ายย่านรัชดา

การจับกุมคดีบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่เหล่านี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงในการกวาดล้างเครือข่ายลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินและกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและสารเสพติดในสังคมไทย

อ่านข่าว : จับตา "เอโทมีเดท" สารตั้งต้น ส่วนผสม "ยาเสพติดประดิษฐ์ใหม่"

พาณิชย์ เดินหน้าปราบบุหรี่ไฟฟ้า

ในการเดินหน้าปราบปราม "ยาเสพติด" รวมไปถึง "บุหรี่ไฟฟ้า" ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างประสานมือกัน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลามจนเกิดผลกระทบต่อสังคมและประเทศ ปราบปรามการลักลอบจำหน่าย เป็นหนึ่งในแนวทางที่ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ กำลังดำเนินการ 

ด้วยมาตรการควบคุม "บุหรี่ไฟฟ้า" โดยออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ "บารากู่" และ "บารากู่ไฟฟ้า" หรือ "บุหรี่ไฟฟ้า" เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 ภายใต้ พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 (พ.ร.บ. การส่งออกไปนอกฯ) ซึ่งยังมีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วมประชุมหารือมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมควบคุมโรค เพื่อให้การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด

อ่านข่าว : เปิด 25 จังหวัดนำร่องปราบยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล

ปิดกั้นแพลตฟอร์ม "บุหรี่ไฟฟ้า" แล้วกว่า 9,500 URLs

"บุหรี่ไฟฟ้า" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจำหน่ายออฟไลน์ แต่การซื้อขายผ่าน "ช่องทางออนไลน์" ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหาใช้มาตรการเข้มงวด ด้วยการปิดกั้นโซเชียลมีเดีย เพจ และเว็บไซต์ URLs ที่เกี่ยวข้องกับ "บุหรี่ไฟฟ้า" ทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการตัดวงจรช่องทางการซื้อ-ขาย และการลักลอบนำเข้า เรียกได้ว่า เดินหน้าอย่างเต็มที่     

ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2567 – 19 มีนาคม 2568 กระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ "บุหรี่ไฟฟ้า" แล้ว 9,515 รายการ โดยแบ่งเป็น 1. แอปพลิเคชัน X จำนวน 9,226 รายการ 2.เว็บไซต์ จำนวน 235 รายการ 3.Facebook จำนวน 28 รายการ 4. Instagram จำนวน 12 รายการ และ 5. TikTok จำนวน 14 รายการ นอกจากนี้ยังดำเนินการปิดกั้นกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า แล้วจำนวน 120 กลุ่ม

ขณะเดียวกันจากการใช้ Social listening tool ตรวจสอบพฤติกรรมการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าบนโลกออนไลน์ พบว่า มีโพสต์จากผู้ขาย จำนวน 285 โพสต์ และโพสต์จากผู้ซื้อ จำนวน 93 โพสต์ ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นได้ว่า การซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงอยู่ใกล้มือเยาวชนไทย

เตือนสายควัน บุหรี่ไฟฟ้า ภัยสุขภาพ - ผิดกฎหมาย

สถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ในช่วงปี เดือนตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568 กรมศุลกากร จับกุมและดำเนินคดีได้ 302 คดี ยึดของกลางได้กว่า 900,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 112 ล้านบาท

นอกจาก บุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและเยาวชน ยังมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย โดย "ผู้ใดขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาเติม" มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567

และ "การซื้อ หรือ ครอบครอง" มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของสินค้านั้น หรือทั้งจำทั้งปรับ และ "การนำเข้าของที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร" มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะหรือเขตปลอดบุหรี่ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

อ่านข่าว : วันนี้ นายกฯลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ 1 ใน 25 จังหวัดปัญหายาเสพติดรุนแรง

"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งปูทางยุบ "กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ"

ฝุ่น PM 2.5 กทม.ระดับสีส้มทั้ง 50 เขต หนักสุด "หนองแขม"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง