นายกฯ ยืนยันปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์ประเทศ
นายกรัฐมนตรียืนยันถึงการปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีผลกระทบกับประเทศ ทั้งเขตเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ให้ปลอดภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมระบุถึงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำระยะยาวอย่างเป็นระบบ หลังมีบทเรียนจากวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวให้ความมั่นใจกับประชาชนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผ่านทางรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" รวมทั้งการฟื้นฟูเยียวยาประชาชน รวมถึงบ้านเรือน กิจการ และโรงงาน ที่ได้รับความเสียหาย ต้องได้รับการช่วยเหลือฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด
ขณะที่การปกป้องพื้นที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหญ่บริเวณที่มีผลกระทบกับประเทศ ทั้งเขตเศรษฐกิจ เขตอุตสาหกรรม เมืองหลวงของทุกจังหวัด กรุงเทพมหานคร สนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสาหกรรม และศูนย์อพยพประชาชน โดยมอบให้ทุกฝ่ายเข้าไปปกป้องดูแลไม่ให้น้ำเข้าไป และเร่งผลักดันน้ำสู่ทะเล โดยใช้ 3 ช่องทาง คือ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา, การระบายลงทะเลในฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลำน้ำเจ้าพระยา รวมถึงการขุดลอกคูคลองเพิ่มเติมอีก 7 แห่ง ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางระบายน้ำสู่ทะเล ขณะที่ทางด้านฝั่งตะวันตก จะใช้คลองมหาสวัสดิ์ คลองมหาชัย และอีกหลายคลอง ซึ่งรัฐบาลจะเร่งขุดทางลัด เพื่อร่นระยะเวลาการไหลของมวลน้ำออกสู่ทะเลด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของการผลักดันน้ำ ทางภาคเอกชนได้ช่วยนำเรือมาร่วมในการปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำครั้งนี้รวมแล้วกว่า 800 ลำ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีวิกฤตน้ำเกิดขึ้นอีก
ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสรุปพื้นที่ประสบอุทกภัยขณะนี้รวม 25 จังหวัดในภาคเหนือและจังหวัดภาคกลางลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินรวม 61 จังหวัด อยู่ระหว่างฟื้นฟู 36 จังหวัด ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 780,000 ครัวเรือน รวม 2.3 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 297 คน และสูญหาย 2 คน