นักวิชาการแนะรัฐบาลดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแนะรัฐบาลควรดำเนินนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ หลังประเมินชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย เสี่ยงประสบปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังมากขึ้น ขณะที่รองประธานหอการค้าไทยประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.อาจทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

กระทรวงพาณิชย์ประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อเดือนตุลาคมขยายตัวร้อยละ 4.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ก่อนประมาณการณ์ขยายตัวทั้งปีร้อยละ 3.8 โดยนายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีเงินเฟ้อของเดือนพฤศจิกายนอาจสูงกว่านี้ โดยเป็นการขยายตัวในลักษณะอุปสงค์ และอุปทานเทียม ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมโดยตรง หลังจากประชาชนตื่นตระหนกกักตุนสินค้ามากกว่าปกติ ประกอบกับพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และใช้เวลาฟื้นฟูหลังน้ำลดอีกไม่ต่ำกว่า 60 วัน

คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จึงควรตระหนักถึงปัจจัยเหล่านี้ เพื่อกำหนดนโยบายการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ก่อนประเมินว่า กนง.อาจทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง จากปัจจุบันร้อยละ 3.50 เพื่อประคองอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเข้าสู่ภาวะปกติ ในต้นปีหน้า

ขณะที่ รศ.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กนง.ไม่ควรเร่งรีบปรับนโยบายการเงินในระยะนี้ และควรประเมินความเสียหายแท้จริงจากวิกฤตการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อรายได้ และสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งอาจถูกซ้ำเติมจากปัญหาเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกัน ดัชนีเงินเฟ้อที่ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปี สะท้อนว่าชนชั้นกลาง และผู้มีรายได้น้อยเสี่ยงประสบปัญหาการเงินมากขึ้น หรือชักหน้าไม่ถึงหลังขั้นหนัก รัฐบาลจึงควรกำหนดแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือมาตรการเยียวยา มาตรการฟื้นฟู และมาตรการป้องกัน และแก้ปัญหาภัยธรรมชาติอย่างจริงจัง