ชาวลำลูกกาบางส่วนรื้อบิ๊กแบ็กริมคลองหกวาสายล่าง
เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (17 พ.ย.) ชาวบ้านในตำบลลาดสวาย ตำบลคูคต และเทศบาลเมืองลำสามแก้ว อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ติดต่อกับเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เกิดความเครียด จนรวมตัวกันเข้ารื้อแนวกระสอบทรายบริเวณริมคลองหกวาสายล่าง ซอยสายไหม 81 ถนนเฉลิมพงศ์ ใกล้คอสะพานเชื่อมถนนลำลูกกา ที่มีความสูง 1.20 เมตร ออกเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร
โดยชาวบ้านที่ออกมาชุมนุมต่างบอกว่าจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ในการเร่งระบายน้ำที่ท่วมขัง เนื่องจาก ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ชาวอำเภอลำลูกกา ต้องเป็นผู้แบกรับปัญหาน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 2 เมตร โดยไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งทันทีที่กระสอบทรายถูกรื้อออกทำให้น้ำจากคลองหกวาสายล่างไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตสายไหมทันที ทำให้ชาวบ้านในเขตสายไหมต้องเร่งทำแนวกระสอบทรายเสริมบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันน้ำท่วม จากการสอบถามชาวบ้านในบริเวณนี้ ส่วนหนึ่งบอกว่า ยินยอมที่จะให้น้ำล้นแนวกระสอบทราย เพื่อให้ กทม.เร่งสูบออก ดีกว่าแนวกระสอบทรายพังลง เพราะจะทำให้น้ำไหลแรง จนรับไม่ทัน
ทั้งนี้การชุมนุมยืดเยื้อออกไปนานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากข้อเสนอของชาวอำเภอลำลูกกาที่ขอให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ เพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร จากเดิมที่เปิดอยู่ 60 เซนติเมตร เป็น 1.60 เมตร ลดความสูงของแนวกระสอบทรายลง ให้น้ำสามารถล้นผ่านได้ และช่วยเหลือเยียวยาเป็นกรณีพิเศษนั้นไม่สามารถตกลงกันได้ แต่ในที่สุดชาวอำเภอลำลูกกาก็ยอมสลายการชุมนุมกลับไป หลัง กทม.ยอมเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ ตามข้อเรียกร้อง แต่ข้อเรียกร้องอีก 2 ข้อนั้น ได้ตกลงกันว่าจะมีตัวแทนจาก ศปภ.มาเจรจาในช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.)
ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กทม.เข้าไปซ่อมแซมแนวคันกั้นน้ำเป็นการชั่วคราว โดยมีกำลังทหารและตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อย เนื่องจาก การรื้อกระสอบทรายในจุดที่ต่ำสุดของพื้นที่ อาจทำให้มีมวลน้ำไหลเข้าเขตสายไหมถึงวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะมีผลกระทบต่อถนนรามอินทรา และต่อเนื่องต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางชัน
ส่วนประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ที่มีการเปิดอยู่ที่ 1 เมตร โดยปิดคันกั้นน้ำ ในวันนี้ (18 พ.ย.) จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าสามารถรับไหวหรือไม่ หากพบว่ามีผลกระทบกับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ก็จำเป็นต้องปิดประตูระบายน้ำดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนส่วนรวม
ขณะที่ในช่วงเช้าก็มีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ ศปภ. ได้เข้าเจรจากับตัวแทนชาวบ้านจากหมู่บ้านแอนเน็กซ์ หมู่บ้านการ์เด้นท์โฮม ชุมชนจามร และอีกหลายชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากแนวคันกั้นน้ำกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก ช่วงแยกกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ หรือ คปอ. กองทัพอากาศ ที่เข้ารื้อแนวบิ๊กแบ็กออกประมาณ 5 เมตร จากปัญหาน้ำท่วมขังพื้นที่มานานกว่า 3 สัปดาห์และมีสภาพเน่าเหม็น
โดยผลการหารือได้ข้อสรุปร่วมกัน 4 ข้อ คือ ให้รื้อแนวบิ๊กแบ็กทำเป็นฝายน้ำล้นยาว 10 เมตรใน 2 ฝั่งถนนพหลโยธิน ยาวฝั่งละ 5 เมตร กำจัดขยะและยุงในพื้นที่ จัดรถทหารให้บริการประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ 06.00-20.00 นาฬิกา จัดอาหารและถุงยังชีพให้ชาวบ้านตั้งแต่ซอยพหลโยธิน 54-66 และซอยพหลโยธิน 70-73 แจกเรือให้ซอยละ 1 ลำ และ ดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งหลังการเจรจาได้ข้อยุติจนชาวบ้านพอใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้ร่วมกันลงมือรื้อคันกั้นบิ๊กแบ็ก ในลักษณะฝายน้ำล้น จำนวน 2 จุด รวม เป็นระยะทาง 10 เมตร