ชาวอียิปต์ประท้วงวันที่ 4
ผู้ชุมนุมในจัตุรัสทารีห์ในกรุงไคโรของอียิปต์ราว 20,000 คน ยังคงชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แม้ว่าการชุมนุมตลอด 3 วันที่ผ่านมา จะมีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ประท้วง ทำให้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วถึง 33 คน และบาดเจ็บอีกมากกว่า 1,750 คน ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากการสูดดมแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ขณะที่นักเคลื่อนไหวในอียิปต์ ประกาศจะจัดการชุมนุมครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้การประท้วงที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงไคโรและต่างจังหวัดเช่นเมืองอเล็กซานเดรีย และเมืองอิสเมลเลีย เมืองท่าที่คลองสุเอซ มีเป้าหมายเพื่อขับไล่ทหารระดับนายพลลงจากตำแหน่งในสภาทหารสูงสุด ซึ่งดูแลประเทศหลังการโค่นล้มประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค และสร้างความตึงเครียดทั้งประเทศ ทำให้คณะรัฐมนตรีอียิปต์ประกาศลาออกจากตำแหน่ง แต่บอกว่าจะทำงานต่อไปจนกว่าใบลาออกจะได้รับการอนุมัติ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าสภาทหารสูงสุด จะอนุมัติใบลาออกของคณะรัฐมนตรีหรือไม่
แม้การประกาศลาออกของรัฐบาลจะทำให้ผู้ประท้วงบางส่วนพอใจ แต่ยืนยันว่าเป้าหมายสูงสุดคือการให้ผู้บัญชาการทหารในสภาทหารสูงสุดลงจากตำแหน่ง สำหรับการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นตลอด 4 วัน ทำให้องค์การนิรโทษกรรมสากลหรือเอ็มนาสตี้ วิพากษ์วิจารณ์กองทัพอียิปต์ ว่าไม่สามารถรักษาสัญญาที่จะปรับปรุงเรื่องสิทธิมนุษยชนในอียิปต์ได้
นอกจากนี้ยังผู้ชุมนุมบางคนอ้างว่าแก๊สน้ำตาที่ทางการใช้ปราบปรามผู้ชุมนุม เป็นแก๊สพิษที่ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการสูดดมแก๊สน้ำตาหลายคน เช่นเดียวกับแพทย์อาสาบางคนที่รักษาผู้บาดเจ็บในพื้นที่การชุมนุม ระบุว่า แก๊สน้ำตาที่ใช้ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าแก๊สน้ำตาที่ใช้เมื่อเดือนมกราคม เนื่องจากมันส่งผลต่อระบบประสาท และพิษจากแก๊สตัวนี้จะสะสมอยู่ในร่างกาย แม้จะหมดฤทธิไปแล้วก็ตาม
ยังไม่มีหน่วยงานหรือสำนักข่าวใดยืนยันคำกล่าวอ้างของผู้ประท้วงและแพทย์กลุ่มนี้แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ากองทัพสั่งการให้กองกำลังด้านความมั่นคง ใช้วิธีการที่จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุม ซึ่งมีสิทธิประท้วงอย่างสันติ แต่การปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
