เครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานครและชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย มีมตินัดเคลื่อนไหวคัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีและแก๊สเอ็นจีวี หลังจากที่มติคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงพลังงานปรับขึ้นแอลพีจี ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 โดยทะยอยปรับเดือนละ 40 สตางค์ต่อลิตร และปรับขึ้นเอ็นจีวี เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2555 แอลพีจี ปรับขึ้น 4.80 บาท และเอ็นจีวีปรับ 6 บาท
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ กล่าวว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีและแก๊สแอลพีจี นับว่าซ้ำเติมผู้ประกอบการแท็กซี่อย่างมาก โดยเฉพาะหลังเกิดวิกฤตน้ำท่วม ซึ่งมีอู่แท็กซี่จำนวนมากถูกน้ำท่วม รถจมน้ำเสียหาย
นอกจากนี้ต้องการขอให้รัฐบาลชะลอตัวปรับขึ้นพลังงานทั้ง 2 ชนิดออกไปอีก 1 ปี หลังจากนั้น ขอให้เปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นเรื่องการปรับขึ้นราคาที่เหมาะสม โดยช่วงบ่ายวันนี้ เครือข่ายได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เพื่อขอให้รัฐบาลชี้แจงมาตรการที่ชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งหากต้นปีหน้ารัฐบาลยังยืนยันปรับราคา ผู้ประกอบการแท็กซี่ทั้งหมดอาจออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมปิดถนน
ปัจจุบันเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร และชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย มีรถไม่น้อยกว่า 20,000 คัน จากรถที่วิ่งในระบบมีมากว่า 50,000คัน และปัจจุบันมีแท็กซี่ประมาณ 55,000 คัน ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ในราคารกิโลกรัมละ 8.50 บาท หากปรับขึ้นอีก 6 บาท จะทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 70 ขณะที่รถแท็กซี่ที่ใช้แก๊สแอลพีจี ที่วิ่งในระบบมีประมาณ 10,000-20,000 คัน ซึ่งการปรับขึ้นค่าแก๊ซแอลพีจี ในราคา 4.80 บาท จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 ซึ่งหากต้องเติม 500 บาท มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 210 บาท ทำให้ต้องเสียค่าก๊าซถึง 710 บาท ซึ่งผู้ขับแท็กซี่ยากที่จะมีรายได้เหลือหลังจากการขับรถ