ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนักการเมืองทุจริตที่ดินคลองด่าน
ป.ป.ช.ได้ข้อยุติในการสอบคดีการทุริตจัดซื้อที่ดินคลองด่านเพื่อก่อสร้างโตรงการบ่อบำบัดน้ำเสีย โดยได้ชี้มูลความผิดกับนายวัฒนา อัศวเหม และ นายยิ่งพันธ์ มนะสิการ ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว รวมทั้งข้าราชการและอดีตข้าราชการอีก 4 คน ดำเนินการทางวินัยและคดีอาญาต่อไป
เอกสารที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาในสำนวนคดีการทุจริตจัดซื้อที่ดินคลองด่านมีจำนวนกว่า 1 หมื่น 7 พันหน้า และ มีผู้ถูกกล่าวหาการทุจริต 36 คน คดีใช้เวลาสอบสวนกว่า 20 ปี มติของ ป.ป.ช. ในวันนี้ได้ชี้มูลความผิดเพิ่มกับนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายยิ่งพันธ์ มนะสิการ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่นายยิ่งพันธ์ ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงยกเรื่องไป
ส่วนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่พบความผิด นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการและอดีตข้าราชการอีก 4 คน ที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดโดยให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยและคดีอาญาต่อไป
โครงการระบบบำบัดน้ำเสีย ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ 1,900 ไร่ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท ริเริ่มโครงการตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ต่อเนื่องยาวนานกว่า 7 รัฐบาล ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมปี 2540 มีนายยิ่งพันธ์ มนะสิการ รัฐมนตรีว่าการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขณะนั้น เป็นผู้ลงชื่อในสัญญา
ในสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชุดที่ 1ได้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช. ตรวจสอบการทุจริตที่ดินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยอนุกรรมการชี้มูลความผิดมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง 3 คน ได้แก่นายยิ่งพันธ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในปี 2550 กรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา ส่งให้อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ด้วยข้อหาการใช้อำนาจหน้าที่ บังคับ หรือจูงใจให้ประชาชนขายที่ดิน
วันที่ 18 สิงหาคม 2551 ศาลฎีกาฯมีมติ 8 ต่อ 1 พิพากษาลงโทษนายวัฒนา จำคุก 10 ปี กรณีการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ ยังมีคดีที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งในปีเดียวกันศาลแขวงดุสิตพิพากษาจำคุกนายวัฒนา 3 ปี ฐานฉ้อโกงที่ดินและร่วมกันทุจริตจัดซื้อที่ดิน ขณะที่นายวัฒนา จนถึงขณะนี้หลบหนีคดีอยู่ที่ประเทศกัมพูชา