“โฆสิต” ชี้หนี้ยุโรป-อุทกภัยปัจจัยกระทบเศรษฐกิจไทยปี55

“โฆสิต” อดีตรองนายกฯ เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังประสบปัญหาหนี้สาธารณะ และผลกระทบจากอุทักภัย เป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเสวนาเรื่องทิศทางกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในปี 55 โดยระบุว่าปัจจัยที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยปีหน้าคือ ผลกระทบจากอุทกภัยและภาวะเศรษฐกิจโลก โดยอุทกภัยสร้างความเสียหายและการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจอย่างมาก ทั้งนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมกว่าร้อยละ 80 จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า มีผลให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ไตรมาสแรกปีหน้า ไม่ขยายตัวหรือขยายตัวติดลบ ขณะที่สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทดแทนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน ที่ลดลงคือ การใช้งบลงทุนฟื้นฟูหลังน้ำท่วมของภาครัฐ ซึ่งหากทำได้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวได้ร้อยละ 4-5

สำหรับภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีโอกาสถดถอย เพราะวิกฤตหนี้ในกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่มีแนวทางแก้ไขชัดเจน เงินยูโรอ่อนค่าลง ดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นสกุลเงินที่ต้องเข้มแข็ง ขณะที่เงินหยวนยังไม่มีความพร้อม จึงน่าเป็นห่วงว่าโลกจะขาดเงินสกุลหลัก ดังนั้นภาคธุรกิจต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังไม่ยืนยันได้ว่าเป็นขาลง เพราะมีแรงกดดันจากการแข่งขันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อ ยังสูงถึงร้อยละ 4 ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนยังผันผวนจากปัญหาเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกันนายโฆสิตกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้า ขึ้นอยู่กับวาระสำคัญ 4 วาระ คือ

1.รัฐบาลบริหารจัดการเงินฟื้นฟูไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่น
2.การปรับตัวของภาคธุรกิจจากแรงงานที่หายาก ค่าแรงสูงขึ้น
3.พื้นที่รองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม เสนอให้ใช้พื้นที่รอบเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา
4.ยกระดับการค้าการลงทุน โดยผูกการค้ากับอาเซียนให้มากขึ้น