สื่อสภาฯให้ฉายาปี 54 สภาผู้แทนราษฎร: กระดองปูแดง
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปีสื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ระดมความเห็นในการตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกและการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในรอบปี 2554 สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เล็งเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านการเมืองของประเทศ และขอยืนยันว่าการตั้งฉายาดังกล่าวได้ใช้เหตุผล ความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย และซึ่งการพิจารณาทั้งหมดได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้
1.เหตุการณ์แห่งปี : องค์ประชุมรัฐสภาล่มวันแถลงนโยบายของรัฐบาล
เป็นเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นกลางดึกเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแถลงนโยบายของรัฐสภาต่อที่ประชุมรัฐสภา สืบเนื่องมาจากการที่สส.ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์จนนำมาสู่การประท้วงอย่างวุ่นวายส่งผลให้ต้องพักการประชุมนานถึง 40นาที ต่อมา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา สั่งให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้งก่อนลงมติว่าจะปิดการอภิปรายตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เสนอหรือไม่ โดยครั้งสุดท้ายมีองค์ประชุมเพียง 314 ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจำนวน 325 เสียง จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 23.27น.และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค.
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรงของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะก่อนที่รัฐบาลจะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้โดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญต้องผ่านการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงในรัฐสภามากถึง 300 เสียงแต่กลับไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้
2.วาทะแห่งปี : “คำวินิจฉัยประธาน ถือเป็นที่สิ้นสุดจะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
มาจากคำพูดของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกรณีการทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อวินิจฉัยในประเด็นที่สส.พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างนั้นเหตุการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียดจนท้ายที่สุดนายสมศักดิ์ใช้อำนาจวินิจฉัยด้วยด้วยคำพูดว่า...
"ผมฟังอยู่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นครับ ท่านครับ ท่านสมาชิกครับ ผมขออนุญาตนิดเดียวครับข้อบังคับที่พวกเราร่างขึ้นมาเป็นกติกาให้อำนาจประธานเป็นผู้วินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นเด็ดขาด ส่วนผิดหรือถูกอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมถือว่าผมวินิจฉัยแล้วต้องเป็นเด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้นมันจบไม่ได้ครับ" (รายงานการประชุมรัฐสภาสามัญทั่วไปครั้งที่วันที่ 23-24ส.ค.2554 หน้า 740)
คำพูดดังกล่าวได้สะท้อนถึงบุคลิกการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ที่ให้ความสำคัญกับอำนาจของประธานควบคุมการประชุมตามข้อบังคับที่เป็นลายลักษณ์อักษร
3.ฉายาสภาผู้แทนราษฎร: กระดองปูแดง
การเลือกตั้งสส.เมื่อเดือนก.ค.2554 ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯรวมทั้งมีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง เข้ามาดำรงตำแหน่งสส.มากกว่า 20 คน แต่การทำงานของสภาฯภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยกลับให้ความสำคัญกับการปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอีกสถานะหนึ่ง คือ น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
โดยทุกครั้งในการประชุมสภาฯหรือรัฐสภาหากมีการพาดพิงถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัวชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะถูกสส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากลุกขึ้นตอบโต้อย่างดุเดือดจนการประชุมสภาฯต้องหยุดชะงักหลายครั้ง ดังนั้น สภาฯชุดที่ 24 ภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยที่มักอ้างเสมอว่ามีมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 15 ล้านเสียงสนับสนุน จึงเปรียบเสมือนเป็นกระดองสีแดงปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีชื่อเล่นว่า "ปู"
4.ฉายาวุฒิสภา : สังคโลก
5.ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร (สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) : ค้อนปลอม ตราดูไบ
เดิม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้รับฉายาว่า “ขุนค้อน” เมื่อครั้งเป็นรองประธานสภาฯเมื่อปี2540 เพราะได้ใช้ค้อนทุบลงบัลลังค์เพื่อแสดงความเด็ดขาดในการควบคุมการประชุม และก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯนายสมศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าไปเสนอตัวจนได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯสมใจ เมื่อได้มาทำหน้าที่ควบคุมการประชุมก็ถูกโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เป็นกลางที่เอื้อต่อพรรคเพื่อไทยทั้งในเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการอภิปรายทั่วไปเรื่องปัญหาน้ำท่วม กระทั่งถูกกล่าวหาขั้นรุนแรงว่ารับใบสั่งจากนายใหญ่ดูไบ ทำให้ภาพของขุนค้อนผู้หนักแน่น เด็ดขาด เป็นกลางตกต่ำลง จึงเป็นที่มาของฉายา “ค้อนปลอม ตราดูไบ” ในที่สุด
6.ฉายาประธานวุฒิสภา (พล.อ.ธีรเดช มีเพียร) : นายพลถนัดชิ่ง
พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหลังจากได้รับการสรรหาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่นับเป็นบุคคลที่สังคมให้การจับตาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยผ่านตำแหน่งสำคัญทั้งในกองทัพ และ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมาแล้ว อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่จากการทำงานที่ผ่านมาพล.อ.ธีรเดช ไม่ได้แสดงบทบาทตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา
ไม่เพียงเท่านี้ยังยังเลี่ยงตอบคำถามเพื่อแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ต่างๆ มักอ้างว่า “ผมจำไม่ได้”, “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ต้องไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง” เหมือนชิ่งตัวเองออกจากปัญหา ทั้งที่ควรจะแสดงบทบาทให้เข้มแข็งและเด็ดขาดสมกับเป็นอดีตนายพลในกองทัพ
7.ดาวเด่น: รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์
การทำงานของน.ส.รังสิมา นับตั้งแต่เป็น ส.ส.มีความเสมอต้นเสมอปลายโดยเฉพาะการสวมบทมือปราบ ส.ส.นอกแถว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การเปิดโปงสส.ที่ชอบเสียบบัตรแสดงตนแทนกัน การขอให้ประธานสภาฯควบคุมการประชุมให้มีความเป็นกลาง หรือแม้กระทั่งขอความร่วมมือสส.ไม่ให้ประชุมคณะกรรมาธิการในช่วงวันพุธหรือวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันประชุมสภาฯเพราะมีผลให้องค์ประชุมสภาฯเสี่ยงต่อการล่มหลายครั้ง บทบาทเหล่านี้ น.ส.รังสิมา ได้ประพฤติปฏิบัติมาตลอดโดยไม่คำนึงถึงว่าช่วงเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
8.ดาวดับ: ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร หนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตัดขาดกับงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงท่าทีถึงการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อร่วมนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่างๆ สร้างความหวังให้กับสังคมไม่ต่างอะไรกับการเป็นดาวเด่นในทางการเมืองภายหลังประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจของครอบครัวชินวัตร
สำหรับพฤติกรรมที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงออกจนนำมาซึ่งคำครหาว่า "หนีสภา" หลายต่อหลายครั้ง เช่น การไม่แสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้ามาไกล่เกลี่ยระหว่างสส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งต่างกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้ที่พยายามจะเข้ามาเป็นตัวกลางสร้างความประนีประนอมให้กับทั้ง2ฝ่ายเพื่อให้งานสภาฯเดินหน้าไปได้ หรือ การมอบหมายให้รัฐมนตรีหรือรองนายกฯเป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนการตอบด้วยตัวเองหลายครั้งท่ามกลางข้อสงสัยว่าเป็นการมอบหมายให้บุคคลอื่นชี้แจงแทนมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับตำแหน่งดาวดับไปโดยปริยาย
9.คู่กัดแห่งปี: อรรถพร พลบุตร vs จตุพร พรหมพันธุ์
จตุพร-อรรถพร การประชุมสภาฯมีหลายครั้งที่เกิดวิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างกรรมต่างวาระและต่างคู่กรณี แต่การฟาดฟันระหว่างนายอรรถพร พลบุตร สส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องยกให้เป็นมวยคู่เอกทุกครั้งไป เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ทั้ง2คนนี้เชือดเฉือนคำพูดกันได้เป็นชนวนก่อให้เกิดเหตุประท้วงกันแบบบานปลายระหว่างสส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งส่วนใหญ่ประเด็นที่ทั้ง2คนมักจะโต้คารมกัน คือ การพาดพิงถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
10.คนดีศรีสภา
งดการเสนอชื่อบุคคล สำหรับตำแหน่งคนดีศรีสภาสื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันยังไม่มีบุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับตำแหน่งดังกล่าว ถึงแม้จะมีสส.และสว.หลายคนแสดงบทบาทการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม หรือ การแสดงออกผ่านการร่วมประชุมรัฐสภาในวาระต่างๆ แต่ทว่ายังไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดแสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างเห็นได้ชัด สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจึงความเห็นร่วมกันของดการมอบตำแหน่งคนศรีสภาประจำปี2554
11.ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) : หล่อดีเลย์
ด้วยบทบาทการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านหลังจากแพ้การเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกฯอีกสมัยไม่สำเร็จ แม้จะพยายามทำหน้าที่ชี้แนะตรวจสอบรัฐบาลถึงปัญหาน้ำท่วม นโยบายด้านต่างๆ รวมถึงการเสนอทางออกเพื่อความปรองดอง แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้เต็มปาก เนื่องจากถูกย้อนศรจากสส.พรรคเพื่อไทยในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไม่ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ หรือ การเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมจนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ในตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง จึงถูกวิจารณ์ว่าเหตุใดไม่แก้ปัญหาอย่างที่ได้พูดเอาไว้ตั้งแต่เป็นนายกฯ กลายเป็นที่มาของ “หล่อดีเลย์”