แกนนำพรรคเพื่อไทยยืนยันไม่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112
นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ ระบุว่า ได้ส่งหลักฐานข้อมูลที่เข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว และ จะทวงถามความชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้าทำให้ความเสียหายขยายวงกว้างมากขึ้น ส่วนกฏหมายอาญามาตรา112 เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกับ กฎหมายสากลในต่างประเทศที่ใช้ในการปกป้องประมุขของตัวเอง ดังนั้นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือ ให้เหตุผลทางกฎหมาย ควรจะอ้างอิงความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญโดยไม่ละเมิดสิทธิ์บุคคลอื่น
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า พรรคแสดงมีท่าทีชัดเจนแล้วว่าไม่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112 ส่วนการที่มีกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวแสดงความเห็นเรียกร้องให้แก้ไขเป็นเรื่องเสรีภาพทางสังคมที่ทุกฝ่ายควรจะรับฟัง
สำหรับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐวุฒิ ยืนยัน ในแนวทางการแก้ไขมาตรา 291 ภายในต้นปีหน้าเพื่อเป็นช่องทางตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนการทำประชามติควรจะทำเมื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น สำหรับการพิจารณาแก้ไขมาตรา 309 ว่า ด้วยการนิรโทษกรรม เป็นเรื่องที่ ส.ส.ร.จะพิจารณา
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนหลังมีายงานข่าวถึงการแก้ไขเฉพาะบางประเด็น โดยไม่มีการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อยกร่างใหม่ ซึ่งต้องการให้จัดทำเป็นร่างพิมพ์เขียวรูปแบบที่มาของการตั้ง ส.ส.ร. 3 ร่วมทั้งการเสนอประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว ระบุว่ารัฐธรรมนูญฉปี 2550 เป็นฉบับเดียว และ ฉบับแรกที่มีการออกเสียงประชามติให้ประชาชนเตัดสินใจ ผู้ริเริ่มเสนอแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงควรยึดถือบรรทัดฐานเดียวกันโดยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจหรือทำประชามติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนุญหรือไม่ แต่หากพรรคเพื่อไทยเพิกเฉยเสียงคัดค้านเคยมีบทเรียนสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่เคยนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองมาแล้ว