ทั่วโลกฉลองปีใหม่คึกคัก
นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่เข้าสู่วันปีใหม่ ซึ่งตรงกับเวลา 18.00 น.ตามเวลาในไทย มีการจุดพลุฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แม้ว่าเกือบทั่วประเทศจะมีฝนตกหนัก และหลายพื้นที่ต้องประกาศยกเลิกการจัดงานฉลองปีใหม่ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
ส่วนบรรยากาศพิธีนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย ซึ่งตรงกับเวลา 20.00 น.ในไทย ปีนี้ใช้พลุในการแสดงมากถึง 7 ตัน จุดที่จัดการแสดงคือบริเวณอ่าวซิดนีย์ ซึ่งมีประชาชนประมาณ 1.5 ล้านคนไปจับจองพื้นที่รอบๆ อ่าวเพื่อรอชมการแสดงพลุไฟที่จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งปีนี้ถือว่ายิ่งใหญ่อลังการกว่าปีที่ผ่านๆ มา
ขณะที่ไต้หวัน การจัดงานนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่จัดขึ้นในกรุงไทเป ใกล้กับอาคาร 101 มีจุดพลุอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนายหม่า อิง จิ่ว ประธานาธิบดีเข้าร่วมงานนี้ด้วย
ส่วนที่ญี่ปุ่น เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้ว ผู้เข้าร่วมงานได้ปล่อยลูกโป่ง ซึ่งด้านในบรรจุกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานไว้ หลังจากนั้นที่วัดเก่าแก่จะตีระฆังเพื่อเป็นสัญญาณของวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ชาวญี่ปุ่นจะเดินทางไปที่วัดและศาลเจ้าเพื่อขอพรให้โชคดีตลอดทั้งปี
ที่ฮ่องกง บรรยากาศการฉลองบริเวณอ่าววิคตอเรียเต็มไปด้วยแสงไฟจากพลุที่ถูกจุดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา
ที่เกาหลีใต้ ก็มีการฉลองทั้งในวัดที่มีการตีระฆังในช่วงเข้าสู่ปีใหม่
นางแองเกลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันปีใหม่ซึ่งมีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ โดยให้กำลังใจชาวยุโรปที่กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่า ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากยังไม่ยุติ และยุโรปกำลังเผชิญกับบททดสอบที่แสนสาหัสที่สุดในทศวรรษ แต่ในที่สุดแล้ววิกฤตในครั้งนี้จะทำให้ยุโรปแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ด้านนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้อ่านแถลงการณ์เนื่องในวันปีใหม่เช่นกัน โดยกล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่สหรัฐฯ เผชิญกับความท้าทายและความสำเร็จหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามเครือข่ายอัลกออิดะห์ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ มีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างสหายกับประเทศพันธมิตรทั่วโลก เพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและการปฏิวัติ หวังว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะฟื้นตัว
ส่วนที่จีน ทั้งสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐบาลจีนได้ถ่ายทอดถ้อยแถลงของนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีของจีน ที่ส่งผ่านไปถึงชาวจีน, ชาวฮ่องกง, ชาวมาเก๊า และชาวไต้หวัน รวมถึงชาวจีนในต่างประเทศ ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศให้มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ เน้นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ส่วนแนวทางการบริหารเขตปกครองพิเศษ รัฐบาลยังคงยึดถือแนวทาง "1 ประเทศ 2 ระบบ" และเชื่อมั่นว่า ตราบใดที่ชาวจีนทั้งประเทศทำงานร่วมกัน จีนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตทุกอย่างไปได้