ปชป.แนะจ่ายเงินเยียวยา เสนอครอบคลุมถึงเหตุรุนแรงในภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลเห็นชอบในหลักการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองว่า เรื่องดังกล่าวควรต้องใช้เหตุผลในการพิจารณาเป็นรายคดี รวมถึงควรจะให้การเยียวยาครอบคลุมเหตุการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ด้วย
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ป.คอป.) ยืนยันในหลักการที่เสนอเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองตามหลักสากล และครอบคลุมทุกฝ่าย โดยไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาหลักเกณฑ์ผู้เข้าข่ายได้รับเงินเยียวยา ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเร็ววันนี้
สำหรับการชดเชยเยียวยาที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) ระบุให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกกลุ่ม เจ้าหน้าที่รัฐ สื่อมวลชน และภาคเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองทุกเหตุการณ์ ทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) และการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ช่วงเหตุการณ์ความรุนแรงเดือน เม.ย.-พ.ค.53
ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์จะได้รับเงินชดเชย 4.5 ล้านบาทต่อคน รวมกับเงินชดเชยทางจิตใจอีก 3 ล้านบาท กรณีทุพพลภาพจะได้ 4.5 ล้านบาท ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1.125 ล้านบาท บาดเจ็บเล็กน้อย 225,000 บาทต่อคน ส่วนกรณีศาลมีคำสั่งให้จำคุกและถูกคุมขังเกินเวลาที่กำหนด ให้ได้รับเงินชดเชยเท่ากับเวลาที่ถูกควบคุมตัว 150,177 บาทต่อปี และเงินชดเชยทางจิตใจ 500,000-750,000 บาท รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท
สำหรับเงินชดเชยเยียวเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะจ่ายเงินเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจให้กับญาติและครอบครัวรายละ 3 ล้านบาทก่อน และเงินช่วยเหลือสำหรับค่าปลงศพ รายละ 250,000 บาท โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงบประมาณ ดำเนินการในเรื่องนี้ ส่วนเงินชดเชยสูญเสียชีวิต 4.5 ล้านบาท อาจจะเป็นการจ่ายในลักษณะของการจัดตั้งเงินกองทุนสะสมเพื่อไม่ให้เกิดปํญหาการใช้จ่ายเงิน