ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ประกาศ "ขายไต" ช่องทางสุดท้ายของคนจน หวังนำเงินสู้คดีในชั้นศาล

11 ม.ค. 55
14:54
190
Logo Thai PBS
ประกาศ "ขายไต" ช่องทางสุดท้ายของคนจน หวังนำเงินสู้คดีในชั้นศาล

ความยากจน และ ไม่มีเงินมากพอที่จะเป็นค่าธรรมเนียมศาลทำให้นางบังอร แสงโชติ ประกาศขายไตเพื่อนำเงินมาใช้ต่อสู้ในคดีเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสามีที่ตาทั้งสองข้างเกือบบอดมองแทบจะไม่เห็น แม้จะรู้ว่าการประกาศขายไตเป็นเรื่องผิดกฎหมายและทำไม่ได้ ขณะที่ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ยืนยันว่า ความยุติธรรมและคดีของนางบังอร อาจจะไม่ต้องไปสู้ในชั้นศาล หากมีร่างกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข

  

<"">
  
<"">

ทุก ๆ เช้าก่อนไปทำงานนางบังอร แสงโชติ ต้องจัดเตรียมอาหาร และ ยาให้กับนายเสนาะ ผู้เป็นสามีที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากตาทั้งสองข้างพร่ามัวจนมองแทบไม่เห็น จากอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังรับประทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบที่แพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งสั่งจ่ายให้

ไม่เพียงดวงตาทั้งสองเท่านั้นที่กำลังมองไม่เห็นอาการข้างเคียงจากการแพ้ยาทำให้นายเสนาะ มีปัญหาไตวาย และ โรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาเพราะร่างกายอ่อนแอ ทั้งโรคความดัน และ โรคเก๊า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในชีวิตของนาย เสนาะ ทำให้เขาตัดสินใจ ยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างคนอนาถา แต่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า คดีไม่มีมูลแต่นายเสนาะ ต้องการที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุดจึงขอยื่นอุทรณ์ต่อซึ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาลกว่า 74,000 บาท

ขณะที่นางบังอร ผู้เป็นภรรยาที่ขณะนี้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ลำพังรายได้จากค่าจ้างเพียงวันละกว่า 100 บาท อาจทำให้เธอชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้ว่าจะหางานทำเพื่อเพิ่มรายได้ แต่สภาพร่างกายที่ถูกผ่าตัดผนังหน้าท้องเพื่อเอาอุปกรณ์คล้ายคีมออกมา หลังแพทย์ลืมอุปกรณ์ไว้ในท้องของเธอเมื่อ 16 ปีก่อนทำให้ในวันนี้นางบังอร ไม่สามารถทำงานหนักได้เงินก้อนกว่า 70,000 บาทเพื่อนำมาต่อสู้คดีเรียกร้องความเป็นธรรทให้กับสามี จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นเธอเมื่อไม่มีทางออก บังอรจึงต้องสละอวัยวะของตัวเองด้วยการประกาศขายไตของตัวเอง เพื่อนำเงินมาเป็นค่าธรรมเนียมศาล

การประกาศขายไตเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและทำไม่ได้ซึ่งนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์จึงช่วยเหลือระดมทุนด้วยการขอบริจารเงินผ่านทางเฟซบุ๊ค ซึ่งขณะนี้มีผู้ใจบุญร่วมบริจาคแล้วประมาณ 51,000 บาท ยังขาดอีกกว่า 23,000 บาทซึ่งเหลือเวลาระดมทุนอีกเพียง 11 วันเท่านั้นจะครบวันที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล

แม้ร่างกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขจะเป็นความหวังของผู้ป่วยที่จะไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องในชั้นศาล ซึ่งต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมาก แต่การผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้มาเกือบ 10 ปียังไม่มีความคืบหน้า

ล่าสุดร่างกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขถูกบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่เนื่องจากจะต้องมีร่างกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขเป็นฉบับหลักในการพิจารณา ซึ่งประธานวิปรัฐบาล ยืนยันเมื่อวานนี้ว่า ได้ประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้ยกร่างกฎหมายฉบับของกระทรวงขึ้นก่อนที่จะเริ่มพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง