<"">
บีอิน สปอร์ต ช่องรายการกีฬาทางโทรทัศน์ เดินหน้ารุกคืบในการก้าวเข้ามาเป็นขาใหญ่ ในการถ่ายทอดฟุตบอลในอาเซียน รวมไปถึงนิวซีแลนด์ ซึ่งตอนนี้บีอินชนะการประมูลได้ครองลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ ลีก ในประเทศไทย ในช่วงปี 2016-2019 ต่อจาก ซีทีเอช ไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้ (7 พ.ย.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจมากพอสมควร เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีการเปิดเผยจากเว็บไซต์ มีเดีย สปอร์ต เอเชีย ว่า บีอิน สปอร์ต ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่ารวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บีอิน สปอร์ต จ่ายให้ พรีเมียร์ ลีก ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยถือว่าจ่ายน้อยกว่าเจ้าของลิขสิทธิ์ปัจจุบันในประเทศไทย คือซีทีเอช ประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาท จาการประมูลเมื่อ 3 ปีก่อน
บีอิน สปอร์ต ยังชนะการประมูลพรีเมียร์ลีกในนิวซีแลนด์ และในออสเตรเลีย แต่ใช้เงินน้อยกว่าการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในไทยมาก บีอินใช้เงินเพียงด้วยเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 355 ล้านบาทในการถือครองลิขสิทธิ์ในนิวซีแลนด์ใน 3 ฤดูกาลต่อจากนี้ โดยชนะ เอ็มพี แอนด์ ซิลวา ไลท์บอกซ์
มีรายงานว่าผลสรุปของการประมูลครั้งนี้ นอกจากพรีเมียร์ ลีก จะพิจารณาเรื่องของตัวเลขที่ยื่นประมูลแล้ว อาจมีเรื่องของตราสินค้า หรือแบรนด์ของผู้ประมูลด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พรีเมียร์ลีกรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะมีข้อมูลว่าจำนวนผู้ชมพรีเมียร์ ลีก ในช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมาลดน้อยลงไปมาก
บีอิน สปอร์ต เป็นเครือข่ายช่องรายการกีฬาทางโทรทัศน์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก โดย บีอิน สปอร์ต นั้น อยู่ในเครือของสถานีโทรทัศน์ อัลจาซีรา ทำให้ บีอิน สปอร์ต เป็นช่องที่มีความพร้อมในเรื่องของเงินทุน สาเหตุหลักที่ทำให้ บีอิน สเปอร์ต ต้องการที่จะก้าวเข้ามาเป็นช่องกีฬารายใหญ่ในย่านอาเซียน เนื่องจากอาเซียนตลาดใหญ่ มีจำนวนผู้ชมหลายร้อยล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในทุกปี
คู่แข่งสำคัญที่สุดที่ บีอิน มองขณะนี้ คือ ฟ็อกซ์ สปอร์ต เอเชีย ที่ช่วงหลังหันไปเน้นกีฬาหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล หรือมอเตอร์สปอร์ต ขณะที่ บีอิน สปอร์ต ให้น้ำหนักไปที่การถ่ายทอดฟุตบอล โดยก่อนหน้านี้ มีลิขสิทธิ์ทั้งฟุตบอลลีกยุโรปหลายรายการ