วันนี้ (10 พ.ย.2558) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีที่มีการตรวจสอบการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า ต้องการให้อุทยานราชภักดิ์เป็นสมบัติของชาติ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พบว่า มีบุคคลแอบอ้างและการเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวจากโรงหล่อ และได้ดำเนินการให้นำเงินเหล่านี้ไปบริจาคแล้ว
พล.อ.อุดมเดชระบุว่า ด้วยรูปแบบของการดำเนินโครงการที่เป็นคณะกรรมการ มีเจ้ากรมการเงินทหารบก รับผิดชอบด้านการเงิน จึงมีหลักฐานและรายละเอียดทั้งหมด สามารถตรวจสอบและชี้แจงได้
"เราต้องยอมรับว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นงานใหญ่ มีการมอบหมายจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาหลายระดับ ในส่วนของคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการก็มีการแบ่งภาระหน้าที่กันไป ผมขอยืนยันว่าการทำงานเป็นไปอย่างบริสุทธิ์จริงๆ มันอาจจะมีบางเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งคณะทำงานได้พยายามแก้ไขปัญหาให้มีความบริสุทธิ์หมดแล้ว ในขณะนี้ทางคณะกรรมการทุกส่วนพร้อมชี้แจงถ้ามีการสอบถามมา ซึ่งการชี้แจงก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะประชาชนจะได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะว่าข่าวที่ออกมานั้น เท่าที่ผมดูไม่มีการนำเสนอว่าเรื่องนี้จบด้วยดีอย่างไร คณะกรรมการเขาดำเนินการอย่างไร
"ผมขอเรียนว่าการทำงานในเรื่องนี้ตั้งแต่ผมเป็นผู้บัญชาการทหารบกได้คิดดำเนินการกันขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็เป็นกำลังพลของกองทัพบกที่มาช่วยกันดำเนินงาน ในส่วนของมูลนิธิอุทายานราชภักดิ์จัดตั้งขึ้นภายหลังคือในช่วงท้ายของปีงบประมาณ ซึ่งการจัดตั้งมูลนิธิฯ เพื่อแบ่งเบาภาระของกองทัพบกและทำงานเพื่อไม่ให้งานของอุทยานราชภักดิ์ไปทับซ้อนกับงานอื่นๆ โดยผู้บัญชาการทหารบกจะเป็นประธานมูลนิธิโดยตำแหน่ง ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมการมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันมาดำรงตำแหน่ง
"ขณะนี้การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ได้ดำเนินการเสร็จแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งประชาชนก็ได้เดินทางไปกราบไหว้ ซึ่งผมก็ดีใจที่อุทยานแห่งนี้ได้เป็นสมบัติของชาติ ส่วนงานที่เหลือหลังจากนี้ ผมตั้งใจกรรมการมูลนิธิฯ ดำเนินงานต่อไป ซึ่งงานที่เหลือก็มีอีกไม่น้อยและศักยภาพในการบริหารจัดการและคุมงานต้องเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพ จึงเห็นว่าน่าจะต้องให้กองทัพบกมาดูแลงานส่วนที่เหลือต่อไป เช่น การจัดสร้างห้องประวัติศาสตร์ อาคารที่ทำการมูลนิธิ และห้องสุขาที่ต้องมีจำนวนมาก 160-200 ห้อง
"ส่วนเรื่องของเงินบริจาคทั้่งหมดเรามีเจ้าหน้าที่ คือ เจ้ากรมการเงินทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบและมีเจ้าหน้าที่ทำหลักฐานที่ตรวจสอบได้ว่ามีเงินเข้าออกจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งสามารถชี้แจงและตรวจสอบได้ทั้งหมด"
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีเซียนพระคนหนึ่งไปเรียกค่าหัวคิวจากโรงหล่อ ได้มีการแก้ปัญหาในระดับหนึ่งแล้วใช่หรือไหม พล.อ.อุดมเดชตอบว่า
"เรื่องนี้มีความจริงอยู่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด ทุกวงการคิดว่ามีสิ่งเหล่านี้ ซึ่งพอเราทราบว่าน่าจะมี เราก็เข้าไปดำเนินการและโรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจ คนที่สอดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง ต่อมาทุกอย่างก็ยุติลงไปด้วยดี และสิ่งที่โรงหล่อต่างๆ อาจจะถูกหลอกก็เป็นเรื่องที่โรงหล่อสามารถจะไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปในทางที่เสียหาย ก็ทำให้เป็นเรื่องของการบริจาคโดยสมัครใจหรือกลับไปทำงานให้สมบูรณ์ ทุกอย่างจบสิ้นด้วยความเรียบร้อย สะอาด บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน
"ขอให้มั่นใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งบริสุทธิ์และเป็นสมบัติของประชาชน และประชาชนยังมีโอกาสที่จะร่วมกันสร้างสรรค์ต่อไป คนที่ไม่เข้าใจก็จะได้เข้าใจ และอาจมีผู้ไม่ปรารถนาดีก็ขอให้หยุดเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องศรัทธาของคน ให้ประชาชนทุกคนยังมีศรัทธา ผมไม่หนักใจใดๆ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจสอบพบว่ามีนายทหารเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.อุดมเดชแล้ว หลังจากนี้จะให้ตำรวจสอบสวนตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจน
"ผมไม่รู้ว่า พ.อ.คชาชาตเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร ต้องให้พล.อ.อุดมเดชชี้แจงเอง เพราะเขาเป็นคนคุมทั้งหมด ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง" พล.อ.ประวิตรกล่าว
"ทุกอย่างจะต้องมีการชี้แจงให้เกิดความชัดเจน ไม่มีบิดพลิ้ว เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับสถาบันฯ และเป็นเรื่องของประชาชนที่ร่วมกันบริจาคเงิน เพราะฉะนั้นจะต้องให้ทุกอย่างต้องเปิดเผยให้สังคมรู้ทั้งหมด"
อุทยานราชภักดิ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ 222 ไร่เศษ ภายในพื้นที่ของกองทัพบก มีโครงสร้างหลักที่สำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ โดยพิจารณาเลือกพระมหากษัตรย์แต่ละยุคสมัยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ชึ่งพระนามแต่ละพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รูปแบบของพระบรมราชานุสาวรีย์ จะจัดสร้างในลักษณะพระอิริยาบถทรงยืน ความสูงเฉลี่ยไม่เกิน 13.9 เมตร หล่อด้วยโลหะสำริดนอก ส่วนที่ 2 เป็นลานอเนกประสงค์ เนื้อที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพและรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และส่วนที่ 3 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์-ห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ ใช้เวลาการก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557-สิงหาคม 2558 รวมระยะเวลา 10 เดือน