วันนี้ (12 พ.ย.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางบุญมี บูชา ชาวนาอ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดเผยว่า น้ำในลุ่มน้ำแม่กลองไม่สามารถส่งมาทำนาได้แล้ว ชาวนาบางส่วนจึงต้องรับจ้างขุดลอกคลองชลประทาน ตามนโยบายจ้างแรงงานของรัฐบาลเพื่อเลี้ยงครอบครัว ท่ามกลางสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะยาวนานถึง 6 เดือน
“มารับจ้างขุดลอกคลองชลประทาน แต่ทำได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น เพราะรัฐบาลมีงบประมาณแค่นี้ อยากให้เพิ่มงบมากกว่านี้ เพราะถ้าน้ำยังไม่มา หลัง 2 เดือนก็จะไม่มีรายได้ ทั้งที่ต้องกิน ต้องใช้ และลูกต้องเรียนหนังสือ” นางบุญมี กล่าว
นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ลุ่มน้ำแม่กลองเป็นอีกลุ่มน้ำสำคัญ ที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 50 ปี แม้ว่าจะมีพื้นที่ทำการเกษตรไม่มาก หากเทียบกับลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่การรักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม ก็เป็นภารกิจหลักที่กรมชลประทานยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะต้องจัดสรรน้ำจากลุ่มแม่กลองให้ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจำนวน 1,700 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้านพล.ต.อภิชาติ สุขแจ่ม ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 17 กล่าวว่า เพื่อให้มาตรการควบคุมการใช้น้ำประสบผลสำเร็จ ฝ่ายความมั่นคงจะเข้ามาทำงานร่วมกับกรมชลประทาน ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวนา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแย่งน้ำทำนา เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
“เรามีกำลังเข้าไปลาดตะเวนเฝ้าตรวจดูแล โดยพยายามแนะนำผู้นำท้องถิ่นให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการจัดรอบเวรส่งน้ำ และให้ได้ประโยชน์เท่ากันทุกพื้นที่”
ลุ่มน้ำแม่กลองใช้น้ำจาก 2 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์ครอบคลุมพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และสมุทรสงคราม แต่ขณะนี้ 2 เขื่อนหลักมีน้ำต้นทุนเพียง 4,700 ลูกบาศ์กเมตร ที่ต้องใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ สถานการณ์ 2 ลุ่มน้ำจึงถือว่ายังวิกฤต หากชาวนายังไม่ยุติการทำนาปรัง