วานนี้ (24 พ.ย.) นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวภายหลังเกิดเหตุเีครื่องบินเอฟ 16 ของตุรกียิงเครื่องบินขับไล่ ซู-24 ของกองทัพรัสเซีย ตก ใกล้พรมแดนตุรกี-ซีเรีย ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับรัสเซียสั่นคลอนอย่างหนัก หลังเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.) ทำให้ 1 ใน 2 นักบินเสียชีวิต หลังดีดตัวออกจากเครื่อง และถูกยิงจากภาคพื้น ส่วนนักบินอีกนายยังไม่ทราบชะตากรรม สำนักข่าวของทางการรัสเซียรายงานอีกว่า นาวิกโยธินรัสเซียเสียชีวิตไปอีก 1 นาย หลังเข้าไปปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือนักบินของเครื่องบินขับไล่ ซู-24 สร้างความไม่พอใจให้กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเป็นอย่างมาก และประกาศเตือนตุรกีว่า จะเผชิญผลพวงที่เลวร้ายในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ
ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหมือนกับถูกแทงข้างหลังจากคนที่หันไปคบคิดกับกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่นายเซอร์เก ลารอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ประกาศยกเลิกแผนการเยือนตุรกีในวันนี้ (25 พ.ย.)
ด้าน นายเรเจป ไตยิป เออร์โดอัน ผู้นำตุรกี เปิดเผยว่า เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียที่ถูกยิงตกได้รับการแจ้งเตือนหลายครั้งว่า รุกล้ำน่านฟ้าตุรกี แต่ไม่ตอบกลับคำเตือน พร้อมทั้งยืนยันว่า ตุรกีมีสิทธิ์ปกป้องน่านฟ้าและดินแดนของตัวเอง นายเออร์โดอัน ระบุอีกว่า บริเวณที่เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียรุกล้ำเข้ามาไม่มีนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เข้ามาเคลื่อนไหว แต่เป็นที่มั่นของชาวเติร์ก ดังนั้นการที่เครื่องบินของรัสเซียเข้ามาทิ้งระเบิดในบริเวณดังกล่าว จึงเป็นการโจมตีพี่น้องของตุรกี
ทั้งนี้องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ซึ่งมีตุรกีเป็นหนึ่งในชาติสมาชิก จัดการประชุมฉุกเฉินทันที โดยนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่นาโต ขอให้ทั้งทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และอย่าทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย เพื่อหาทางคลี่คลายวิฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับตุรกี แต่นายสโตลเทนเบิร์กตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียจึงบินเข้าใกล้พรมแดนของชาติพันธมิตรนาโต