วันนี้ (25 พ.ย.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือกับ รมช.กระทรวงอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการค้า และประธานหน่วยงานการค้าภาครัฐ (GTC) ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ประเทศอิหร่านต้องนำเข้าข้าวปีละ 1,000,000 ตัน แต่หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรไทยก็ไม่ได้ทำการค้าต่อเนื่อง ข้าวจากอินเดียจึงเข้ามาตีตลาด และในขณะนี้อิหร่านมีสต็อกข้าวอีกปีกว่า ๆ
โดยจีทีซี เป็นหน่วยงานนำเข้าสินค้าอาหารและข้าวจากต่างประเทศ มีสัดส่วนการนำเข้าข้าว อยู่ที่ร้อยละ 20 ของของสัมปทานการนำเข้าข้าวทั้งหมด 1,500,000 ล้านตัน และเปิดให้ภาคเอกชนนำเข้าข้าวได้ในสัดส่วนร้อยละ 80 จึงเป็นโอกาสที่ดีในการส่งออกข้าวของไทยที่สามารถเจรจากับภาคเอกชนได้โดยตรง
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้หารือกับ กลุ่ม TPP กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทผู้นำเข้าข้าว และสินค้าอาหารที่สำคัญของอิหร่าน สนใจที่จะซื้อข้าวของไทย
เบื้องต้นได้ติดต่อกับผู้ส่งออกข้าวของไทย 8 ราย ในการนำเข้าข้าวหอม 100% ล็อตแรก 200,000 ตัน ภายใน 1 เดือนครึ่ง และตั้งเป้าว่าจะนำเข้าข้าวให้ได้ 1,000,000 ตัน โดยข้าวที่นำเข้านี้ จะส่งออกไปยังอิรักอีกด้วยเพื่อขยายตลาดข้าวของไทยในตะวันออกกลาง
ตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับอิหร่านขณะนี้มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าในปี 2559 จะพลิกขึ้นมามีมูลค่ากว่า 600ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับช่วงก่อนที่จะมีมาตรการคว่ำบาตร และตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี มูลค่าการค้าจะเพิ่มถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภายใน 5 ปี จะสูงเกิน 3,000 - 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสหประชาชาติยกเลิกการคว่ำบาตรกับอิหร่าน และมีการลงทุนร่วมกัน