พิพากษายืนจำคุก20ปี "พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ" ยักยอกเพชรซาอุ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 20 ปี พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จำเลยในคดียักยอกทรัพย์ของกลางคดีเพชรซาอุดิอาระเบีย พร้อมพิพากษาแก้ลงโทษจำเลยที่ 2-7 ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน จากเดิมพิพากษาให้ยกฟ้อง

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศาลอาญารัชดา ศาลชั้นอุทธรณ์ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ ตกเป็นจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ของกลางคดีเพชรซาอุดิอาระเบีย โดย พล.ต.ท.ชลอ ถูกเบิกตัวจากเรือนจำเพื่อมาฟังคำพิพากษา

คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ พร้อมพวก 8 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์, พ.ต.ต.ธานี สีดอกบวบ, ร.ต.อ.ฤทธิศาสตร์ แก้วเดช, ด.ต.เท่ง ติ๊บปะละวงศ์, จ.ส.ต.สนิท กาวิชา, จ.ส.ต.เสวก กันทะมา และนายสุจิต ชัยศิริ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อปี 2547 เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เบียดบังยักยอกทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนเองโดยทุจริต และความผิดอื่นๆ หลายข้อหา ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 คือ พล.ต.ท.ชลอ เรียกรับเงินจำนวน 3 ล้านบาทจากนายสุรศักดิ์ ศิริกุล เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีรับของโจรที่รับทรัพย์สินของกลางที่นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ขโมยมาจากวังเจ้าชายไฟซาล กษัตริย์ประเทศซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตนเอง จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 20 ปี

ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เบียดบังทรัพย์เป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน

นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ยังพิพากษาแก้ในส่วนของจำเลยที่ 2 ให้มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์เป็นของตน ส่วนจำเลยที่ 5-7 ให้จำคุกคนละ 7 ปี แต่จำเลยที่ 5-6 ให้การประโยชน์ อีกทั้งได้นำเงินจำนวน 200,000 บาทมาคืน มีเหตุให้บรรเทาโทษ ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน