ทูตสหรัฐฯ โต้ ไม่เคยบอกเหตุบึ้ม 3 จุด เป็นก่อการร้าย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถามสด ส.ส.ฝ่ายค้าน กรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ
จากการตรวจสอบของฝ่ายความมั่นคงยืนยันได้ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่เจตนาหรือมูลเหตุเป็นเรื่องการก่อการร้ายหรือไม่นั้น ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งหมดถือพาสปอร์ตประเทศอิหร่าน ซึ่งกำลังตรวจสอบเอกสารตัวบุคคลว่าเป็นคนสัญชาติอิหร่านจริงหรือไม่
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ระบุถึงการเชิญคณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศมาฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ทำให้ประเทศต่างๆ ได้เข้าใจสถานการณ์ ซึ่งสังเกตได้จากการเตือนพลเมืองของประเทศต่างๆ ไม่ได้ห้ามเดินทางเข้ามาในไทย
ขณะเดียวกันประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ว่า พร้อมให้ความร่วมมือในการพิสูจน์สัญชาติผู้ต้องสงสัย อีกทั้งเอกอัครราชทูตอิหร่าน ประจำประเทศไทย ยังได้เชิญคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ไปรับฟังคำชี้แจง หลังถูกนำมาเชื่อมโยงประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ด้านนางคริสตี้ เคนเนย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวหลังเข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการหารือด้านความมั่นคง โดยยืนยันว่า สหรัฐฯ จะอยู่เคียงข้างกับประเทศไทย และพร้อมสนับสนุนให้ความร่วมมือในทุกด้าน
ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนของฝ่ายไทย โดยสหรัฐฯ ยังไม่ระบุว่าเป็นเรื่องการก่อการร้ายหรือไม่
นายวอลเตอร์ เอ็ม บราว โฆษกสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ทูตสหรัฐฯ เข้าพบกองทัพครั้งนี้ เป็นการขอความร่วมมือหน่วยราชการของไทยในการดูแลความมั่นคง พร้อมย้ำว่า การประกาศเตือนพลเมืองอเมริกันในไทยให้ระมัดระวังการเดินทาง ไม่ใช่การห้ามเดินทางเข้ามาในไทย ขณะที่ความร่วมมือของ 2 ประเทศยังมีความแข็งแกร่งในทุกด้าน ทั้งการทหารและการข่าว พร้อมเรียกร้องทุกประเทศ รวมทั้งอิหร่าน ให้ความร่วมมือกับไทยในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับประเทศที่แจ้งเตือนพลเมืองในการเดินทางมาไทย ขณะนี้มีอยู่ 14 ประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี นอร์เวย์ ไต้หวัน และอิสราเอล