วันนี้ (25 ธ.ค. 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาคดี แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมพื้นที่กระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2556 ซึ่ง กรมการปกครอง เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายคมสัน ทองสิริ และนายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่ 1-3 โดยระบุว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 3 ละเมิดต่อโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย 1,636,426.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์เห็นว่าโจทก์มีทั้งพยานบุคคลและภาพถ่ายยืนยันได้ว่า จำเลยทั้ง 3 เป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปปิดล้อมพื้นที่ของโจทก์ ส่วนที่จำเลยทั้ง 3 อ้างว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และไม่ไว้วางใจการบริหารราชการของรัฐบาล ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุใดที่จะยกเว้นความรับผิดชอบของจำเลยทั้ง 3 หรือผู้ชุมนุม หากมีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายขณะชุมนุม ซึ่งการที่จำเลยทั้ง 3 นำผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ของโจทก์เป็นเวลานาน 5 เดือน ทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามปกติ และต้องไปทำงานที่ทำการชั่วคราว จึงถือเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
ดังนั้น จำเลยต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 946,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนอาวุธปืนของโจทก์ที่อ้างว่าสูญหายไม่มีพยานหลักฐานฟังได้ว่าอาวุธปืนโจทก์สูญหายไปจริง จำเลยทั้ง 3 จึงไม่ต้องรับผิดส่วนนี้
ด้าน นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความจำเลย เผยภายหลังฟังคำพิพากษา ว่า กปปส.เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีนี้ และเชื่อว่าฝ่ายโจทก์จะยื่นอุทธรณ์เช่นกัน อย่างไรก็ดี จำเลยทั้ง 3 ถูกกระทรวงมหาดไทยยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก 1 สำนวน ซึ่งศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้ชดใช้ความเสียหาย 3 แสนบาท โดยคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
“คดีที่ กปปส.ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยราชการในการชุมนุม มีทั้งสิ้น 3 สำนวน โดยอีกสำนวนหนึ่งคือคดีที่ดีเอสไอยื่นฟ้องพุทธะอิสระกับพวก ซึ่งศาลนัดตัดสินคดีวันที่ 15 ก.พ. 59” นายวิโรจน์ ระบุ