วันนี้ (30 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ แถลงผลการสอบสวน สรุปว่า โครงการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักนายกรัฐมนตรีและกองทัพบก โดยสอบผู้เกี่ยวข้อง 23 คน และเอกสารจำนวนมาก ตรวจสอบรายรับรายจ่ายถึงวันที่ 30 พ.ย. และตรวจสอบเอกสารทั่วไปถึงวันที่ 25 ธ.ค. ส่วนประเด็นโรงหล่อสอบข้อเท็จจริงไม่ได้ เนื่องจากได้ข้อมูลไม่ครบ และให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานตามกฎหมาย ในการตรวจสอบการทุจริต ส่วนกรณีพล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมช.กลาโหม นั้น ระบุว่า ไม่มีหน้าที่สอบสวน เพราะนอกกรอบอำนาจหน้าที่ และผลการตรวจสอบครั้งนี้จะส่งให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบต่อไป
การตรวจสอบของคณะกรรมการ เป็นการตั้งข้อสังเกต และส่งผลการตรวจสอบให้รมว.กลาโหม รับทราบต่อไป โดยข้อสังเกตที่ว่า ได้แก่ 1.ระยะเวลาการดำเนินโครงการ 2.การดำเนินวิธีการจัดหาการดำเนินการ และ3.การดำเนินการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์
“คณะกรรมการไม่มีอำนาจอำนาจหน้าชี้ว่า อันไหนผิด อันไหนถูก เพียงแต่ส่งข้อสังเกต ไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องที่มีอำนาจตามกฎหมายตรวจสอบต่อไป ข้อสังเกตดังกล่าวเป็นข้อเสนอแนะให้การดำเนินการตามระเบียบรัดกุมมากขึ้น ไม่ได้หมายถึงมีการดำเนินการไม่ถูกต้อง” ประธานคณะกรรมการฯ กล่าว
พล.อ.ชัยชาญกล่าวต่อว่า ข้อสังเกตการหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ ใช้วิธีการเชิญให้ข้อมูล บางท่านไม่ได้มาให้ข้อมูล บางคนตามตัว ไม่ได้ อยู่นอกเหนืออำนาจของคณะกรรมการ ถ้าจะสอบต่อจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบได้ คนที่ตามไม่ได้ คนที่หนีตามหมายศาลทหารกรุงเทพ คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงตอบข้อซักถามสื่อมวลชน พล.อ.ชัยชาญหลีกเลี่ยงที่จะตอบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะตรวจสอบต่อไปจากคณะกรรมการตั้งข้อสังเกตไว้ จะเป็นหน่วยงานใด แต่หากหน่วยงาน หรือองค์กรอิสระ เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอข้อมูลมา ก็พร้อมจะให้ข้อมูล
ดร.มานะ นิมิตรมงคล ผอ.องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ข้อมูลที่แถลงวันนี้ครบถ้วนพอสมควร ข้อมูลชุดนี้หากเปิดเผยตั้งแต่ถูกตั้งคำถาม ก็จะไม่เป็นที่เคลือบแคลงของสังคม ขณะเดียวกันมองว่าหน่วยงานที่จะตรวจสอบต่อควรเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. และ สตง. ทั้งนี้จากข้อมูลที่เปิดเผยมายังต้องมีการตรวจสอบตัวผู้รับเหมาเอกชนที่เป็นคู่สัญญาต่อไป