วันนี้ (11 ม.ค.2559) เครือข่ายภาคประชาชน 20 เครือข่ายที่เคลื่อนไหวภายใต้ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน นัดประชุมร่วมกันที่อาคารครสิตจักรแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางการเคลื่อนไหว หลัง คสช.มีคำสั่งปลดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพ (สสส.) จำนวน 7 คน โดยหลังการหารือจะมีการแถลงท่าทีการเคลื่อนไหวในเวลา 11.00 น.
นายคำรณ ชูเดชา เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ 1 ในเครือข่ายที่ร่วมเคลื่อนไหวครั้งนี้ เปิดเผยว่า การประชุมจะหารือทิศทางการบริหารงานของ สสส. 4 ประเด็น คือ 1.การประเมินสถานการณ์ของภาคีเครือข่ายว่าได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง รวมถึงเรื่องมาตรการทางภาษีและงบประมาณสนับสนุน, 2.การสรรหาบอร์ด สสส.ใหม่ที่จะร่วมกำหนดท่าทีในการติดตามกระบวนการสรรหา พร้อมตรวจสอบรายชื่อของผู้จะเข้ามาเป็นบอร์ดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจหรือไม่, 3.เสนอแนวทางปฏิรูป สสส.และ 4.การกำหนดแนวทางขับเคลื่อน สสส.ต่อนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าในการประชุมบอร์ด สสส.วันที่ 15 ม.ค.2559 นอกจากการตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ยังมีกระแสข่าวว่าจะมีการแก้ไขระเบียบ สสส.เพิ่มเติมอีก โดยอาจจะมีการแก้ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ สสส.เพิ่มอีก 3 ข้อ จากที่ได้มีการแก้ไขไปแล้ว 26 ข้อ เข้าสู่ประชุม
กรณีดังกล่าว นายประกาศิต กายะสิทธิ์ โฆษก สสส. กล่าวว่า น่าจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากการแก้ไขปรับปรุงข้อบังคับ ระเบียบและหลักเกณฑ์ สสส.จำนวน 26 ฉบับ ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด สสส.พิจารณาและเห็นชอบแล้วตั้งแต่การประชุมในวันที่ 18 ธ.ค.2558 ซึ่งเป็นการแก้ไขตามที่คณะกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้งขึ้นและกระบวนการแก้ไขก็แล้วเสร็จไปแล้ว
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (11 ม.ค.2559) จะส่งจดหมายยื่นข้อเสนอให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พิจารณายุบหรือยกเลิก สสส. เนื่องจากเห็นว่าค่าใช้จ่ายอุดหนุนโครงการจากรายงานประจำปี สสส. ตั้งแต่ปี 2546-2557 จำนวนกว่า 32,670 ล้านบาท เอื้อประโยชน์แก่คนบางกลุ่มบางพวก
นอกจากนี้จะเสนอให้พล.อ.ไพบูลย์นำตัวเลขกว่า 32,000 ล้านบาท มาแจกแจงแยกประเภทให้ชัดเจน เช่น มีรายการที่ใช้โดยถูกต้องจำนวนเท่าใดและไม่เป็นไปตามกฎหมายทั้งสิ้นจำนวนเท่าใด รวมถึงมีกลุ่มเข้ารับการสนับสนุนในลักษณะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกันอย่างไร