สายด่วนเอดส์ พบแค่2เดือน คนโทรปรึกษากว่าพันราย
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่าเอดส์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้รับบริการปรึกษาปัญหาเอดส์ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2372-2222 ของมูลนิธิฯ ว่า แม้ว่ามูลนิธิฯ จะเปิดสายบริการในช่วงเวลา 10.00 -20.00 น.ของทุกวันแต่ก็พบว่ามีผู้โทรศัพท์เข้ามารับบริการตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.- 10 มี.ค.อยู่ที่ 1,192 ราย คิดเป็นจำนวนครั้ง 1,675 ครั้ง เฉลี่ยมีผู้โทรเข้ามารับบริการวันละ 17 ราย ผู้รับบริการส่วนใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป รองลงมาคืออายุ 18-30 ปี และเป็นชายมากกว่าหญิง 5 เท่า ปัญหาอันดับหนึ่งที่คนโทรเข้ามาปรึกษาคือเรื่องความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย 696 ราย อันดับสองคือการปรึกษาเรื่องการตรวจเลือด 193 ราย และอันดับสามคือการปรึกษาเรื่องการรักษาด้วยยาต้านไวรัส 125 ราย
นายนิมิตร์ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าเอดส์ยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เพราะมีคนจำนวนมากที่ยังต้องการบริการปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเอดส์ พิจารณาเฉพาะที่โทรศัพท์มาที่มูลนิธิฯ ในรอบสองเดือนก็กว่าพันรายแล้ว ยังไม่นับที่โทรศัพท์ไปที่หน่วยงานอื่น และอีกจำนวนหนึ่งที่อาจจะไม่โทรศัพท์ไปปรึกษาใครซึ่งเป็นกลุ่มที่น่ากังวลว่าหากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงจริงที่จะติดเชื้อแล้วจะเข้าถึงบริการรักษาได้ทันท่วงทีหรือไม่
“คือถ้ารู้ผลเลือดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบก็มีบริการเรื่องเอดส์ทั้งหมดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้าตรวจออกมาแล้วผลเป็นลบก็จะได้รับบริการปรึกษาและถุงยางอนามัยเพื่อทำให้ผลเลือดของคุณเป็นลบตลอดไป หากตรวจออกมาแล้วผลเป็นบวก สิทธิประโยชน์เรื่องเอดส์ก็จะครอบคลุมตั้งแต่การจ่ายยาต้านไวรัส การตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือด การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน รวมถึงมีบริการถุงยางอนามัยสำหรับป้องกันด้วย นอกจากนี้ การตรวจเลือดก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทุกคนที่มีความเสี่ยงจริงสามารถตรวจเลือดได้ปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง” ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์กล่าว และว่า หากประชาชนรู้ผลเลือดของตัวเองจะส่งผลดีต่อภาพรวมของปัญหาเอดส์เพราะจะทำให้อัตราการติดเชื้อรายใหม่ลดลง ผู้ติดเชื้อแล้วจะเข้าถึงการรักษาซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องจากเอดส์ลงได้มาก ทำให้ประเทศไม่ต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลเพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน
นายนิมิตร์ กล่าวอีกว่า มีกรณีที่ผู้รับบริการซึ่งเป็นนักศึกษาโทรมาปรึกษาว่ามีเซ็กส์กับแฟนโดยไม่ได้ป้องกันแล้วกังวลมากเพราะกลัวว่าถ้าติดเชื้อแล้วจะเรียนต่อไม่ได้ ทำงานไม่ได้ เลยลังเลว่าจะไปตรวจเลือดดีหรือเปล่า หรืออีกกรณีหนึ่งผู้รับบริการวางแผนแต่งงานจึงไปตรวจเลือดแต่ไม่ได้รับคำอธิบายเรื่องผลเลือดจึงเกิดความไม่มั่นใจว่าผลเลือดจะถูกต้องหรือไม่ กรณีเหล่านี้ถ้าประเทศมีระบบบริการปรึกษาเรื่องเอดส์อย่างมีคุณภาพก็จะทำให้คลี่คลายความกังวลของคน ช่วยให้คนเข้าถึงการรักษา ปัญหาเอดส์ก็จะลดลงได้มาก แต่จะทำอย่างไรถึงจะมีบริการปรึกษาที่สะดวกและง่ายต่อการเข้าถึงบริการของประชาชนที่ประสบปัญหา ส่วนตัวมองว่าการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์เป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญที่ทำได้” นายนิมิตร์กล่าวและให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขณะนี้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนกำลังพูดคุยและหาข้อตกลงร่วมกันที่จะสร้างและพัฒนาระบบบริการนี้ให้เป็นภาพงานในระดับประเทศซึ่งหมายความว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีสายปรึกษาเรื่องเอชไอวี/เอดส์หมายเลขเดียวที่ให้บริการปรึกษาก่อนตรวจเลือดได้โดยที่ผู้รับบริการไม่ต้องได้รับการปรึกษาซ้ำที่หน่วยบริการ