วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์รายงานว่า ที่หน้าสำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์การมหาชนและองค์กร รูปแบบอื่นในกำกับของราชการบริหารที่ไม่ใช่ส่วนราชการ (อ.ก.พ.ร.) ซึ่งมี นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นประธาน ประชุมเพื่อพิจารณายุบเลิกการดำเนินงานของ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ท่ามกลางการรอฟังผลการประชุมของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่ปักหลักอยู่ ยืนยันคัดค้านการยุบเลิกธนาคารที่ดิน
นายดิเรก กองเงิน คณะกรรมการอำนวยการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) พร้อมเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจาก19 จังหวัด เดินทางมาร่วมตัวกันที่หน้าสำนักงานพัฒนาระบบราชการ เพื่อติดตามผลการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์การมหาชน และองค์กรรูปแบบอื่นในการกำกับของราชการบริหารที่ไม่ใช่ส่วนราชการ หรือ อ.ก.พ.ร.ที่นัดหารือกันวันนี้ ว่าจะยุบหรือไม่ยุบสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) โดยนำดินจากแต่ละพื้นที่ และพืชผลทางการเกษตร มาทำพิธีบวงสรวงแม่ธรณีแม่โพสพ เพื่อเคารพผืนแผ่นดินที่ได้อยู่อาศัยทำกิน บริเวณด้านหน้าสำนักงานก.พ.ร.ด้วย
นายดิเรกกล่าวว่า ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. ธนาคารที่ดิน ..พ.ศ...และพ.ร.บ.โฉนดชุมชน เพื่อเป็นกลไกหลักในการจัดตั้งหน่วยงานมาทำหน้าที่ในการจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ยากไร้โดยไม่ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ แต่รับรองสิทธิร่วมกันในการจัดการที่ดินของชุมชน และเป็นการกระจายทรัพยากรที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่นับตั้งแต่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2554 กลับไม่สามารถเคลื่อนงานต่อได้ ทำให้เวลาที่ผ่านไปกว่า 4 ปี เพิ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร และเริ่มทำโครงการนำร่องเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีเครือข่ายพีมูฟได้ยื่นหนังสือต่อ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ขอให้ต่ออายุการดำเนินงานสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ต่อไปอีก 5 ปี เพื่อสานต่อแนวคิดและหลักการที่ถูกวางไว้ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หากยุบเลิกไม่ต่ออายุพระราชกฤษฎีกา เท่ากับว่างบประมาณ 167 ล้าน ที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้ เพื่อนำมาเป็นกองทุนช่วยประชาชนในพื้นที่ในโครงการธนาคารที่ดินนำร่อง 5 พื้นที่ 138 ครอบครัว ในจ.เชียงใหม่ และลำพูน ก็เป็นการสูญเงินไปโดยที่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์
ที่ผ่านมาได้มีการสรรหาและตั้งคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลเมื่อปี 2554 และได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 690 ล้านบาท ไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไร้ที่ดินทำกินและอาศัย และเพื่อจัดตั้งธนาคารที่ดิน จึงควรให้มีการตั้งคณะทำงานและสานต่อเจตนารมย์ของธนาคารที่ดิน ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ยังยื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 11.00 น. การประชุมอ.ก.พ.ร.เสร็จสิ้นลง โดยมีรายงานว่า อ.ก.พ.ร.พิจารณาแล้วระบุว่า ไม่มีอำนาจพิจารณาว่าจะยุบหรือไม่ยุบ เพราะเรื่องนี้อยู่ระหว่างการออก พ.ร.ก. ขยายเวลาสถาบันบริหารธนาคารที่ดิน ไม่มีกำหนด จนกว่าจะตั้งธนาคารที่ดินได้ อำนาจสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ยังเหมือนเดิม โดยจะเร่งเสนอครม.อนุมัติ งบประมาณ 167 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาที่ดินใน 5 พื้นที่จ.ลำพูน และเชียงใหม่โดยเร็ว เนื่องจากพื้นที่นี้มีการดำเนินคดีกับชาวบ้าน