เพื่อไทยดึงกระแสให้
นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าสร้างความปรองดองด้วยการลดความขัดแย้ง จากครั้งแรกที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาล จัดงาน "รักประเทศไทย" ควงคู่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษร่วมงานเลี้ยงแบบชื่นมื่น แต่ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังแบ่งรับแบ่งสู้กับกระแสการเสนอให้เปิดเจรจาระหว่างคู่ที่เคยถูกระบุว่าเป็นคู่ขัดแย้ง คือ พล.อ.เปรม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่เชื่อว่าหากบุคคลทั้ง 2 เปิดเจรจาต่อกันจะสามารถลดความขัดแย้งได้ เนื่องจากสังคมมีความขัดแย้งหลายมิติ และเชื่อว่านี่คือบทสะท้อนที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อคู่ขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
กระแสการเจรจาเพื่อความปรองดอง เกิดขึ้นท่ามกลางการขับเคลื่อนเดิม โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ เตรียมเสนอรายงานสรุปซึ่งมีผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าแนบมาด้วย ต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 เม.ย. ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ได้เตรียมเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่แล้วเสร็จเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบในวาระ 2 วันที่ 10 - 11 เม.ย. ซึ่งนับเป็นการผลักดันตามกรอบเดิมต่อไป
สภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นผนวกกับข้อสังเกตของ นายอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้าน และหากเทียบเคียงกับการปฏิเสธของผู้ที่เคยประกาศจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่ออกมาชี้ว่าไม่ควรดึง พล.อ.เปรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง และย้ำที่จะเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแล้ว อาจสังเคราะห์กับข้อมูลในหนังสือ "ลับ-ลวง-พราง" ที่ระบุถึงประโยคร่ำลือกันในหมู่ทหารใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า นายกฯ หญิง รวมความกล้าหาญกระซิบข้างหู พล.อ.เปรมว่า"ขอให้พี่ชายกลับบ้านได้ไหมค่ะ" จึงสรุปได้ว่า นี่อาจเป็นข้อเท็จจริงในบริบทเดียวกัน