วันนี้ (1 ก.พ.2559) นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้พิจารณาแนวทางดำเนินการ กรณีที่บริษัทไทยทีวีถูกพักใช้ใบอนุญาตชั่วคราว ตั้งแต่เดือน ต.ค.2558 และจะสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ.2559 หากบริษัทไม่จ่ายเงินค้างประมูลของทั้ง 2 ช่อง ได้แก่ ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า ภายในวันที่ 3 ก.พ.2559 เป็นมูลค่ารวม 1,634.4 ล้านบาท สำนักงาน กสทช.จะทำรายงานเสนอให้บอร์ดรับทราบในการประชุมวันที่ 8 ก.พ. เพื่อพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการทั้ง 2 ช่อง พร้อมทำให้หนังสือแจ้งถึงธนาคารกรุงเทพ ในฐานะสถาบันการเงิน ที่ค้ำประกันหลักทรัพย์ให้กับบริษัทไทยทีวี เพื่อขอให้นำหลักทรัพย์ค้ำประกัน (แบงค์การันตี) ในส่วนของบริษัทไทยทีวีจ่ายให้กับ กสทช.
ส่วนการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตในอนาคตสำหรับการถือครองใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์นั้น ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าบริษัทไทยทีวีถือครองใบอนุญาตอื่น นอกจากเป็นผู้ผลิตรายการร่วมให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมเท่านั้น ซึ่งตามกฎหมายแล้ว ไม่มีข้อกำหนดกรณีเป็นผู้ผลิตรายการ
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ชมกุล ที่ปรึกษากฎหมายบริษัทไทยทีวี เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของบอร์ด กสท.กรณีสั่งพักใบอนุญาตประกอบกิจการก่อนหน้านี้ พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งให้ กสทช.ชดเชยความเสียหาย 1 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าเป็นมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกิดความเสียหายจากการประกอบกิจการในช่วงที่ผ่านมา โดยไทยทีวียืนยันว่าไม่ต้องการประกอบกิจการต่อไปในฐานผู้ถือครองใบอนุญาตทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง
สำหรับกรณีของไทยทีวีเป็นหนึ่งในบริษัทที่ชนะการประมูลทีวีดิจิทัลใน 24 ช่อง มีนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกอบกิจการ 2 ช่อง ได้แก่ ช่องโลก้า อยู่ในกลุ่มประเภทช่องเด็กเยาวชน และครอบครัว (เลขช่อง 15) และช่องไทยทีวี อยู่ในกลุ่มรายการข่าว (เลขช่อง 17)
ต่อมาเมื่อปลายเดือน พ.ค.2558 ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ครบกำหนดที่ กสทช.กำหนดให้ทั้ง 24 ช่องชำระค่างวดประมูลงวดที่ 2 แต่บริษัทไทยทีวีเป็นรายเดียวที่แจ้งต่อ กสทช.ว่า ประสบปัญหาขาดทุน รวมทั้งกสทช.ไม่ดำเนินการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัลตามแผนงาน จึงต้องการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทั้ง 2 ช่อง แต่ กสทช.ระบุว่า หากต้องการคืนใบอนุญาต ก็ต้องชำระค่าเงินค่าประมูลที่ค้างจ่ายงวดที่ 2-6 รวมเป็นเงิน 1,634.4 ล้านบาท แต่บริษัทไทยทีวีเห็นว่า กสทช.มีความผิดพลาดในการบริหารจัดการแผนงานเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัล จึงไม่ได้จ่ายและนำไปสู่การยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง พร้อมระบุว่าจะระงับการออกอากาศในปลายเดือน ก.ค.2558
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2558 ศาลปกครองเรียกบริษัทและตัวแทน กสทช.ไต่สวน โดยหลังการไต่สวนบริษัทยินยอมจะที่จะตกลงกับ กสทช. โดยจะออกอากาศต่อไปอีก 3 เดือน หรือจนถึงเดือน ต.ค.2558 โดยระหว่างนี้ หากบริษัทไม่หาพันธมิตรร่วมรายการ ก็ต้องชำระเงินประมูลที่ค้างจ่ายตามงวด 2-6 ที่ กสทช.กำหนด แต่เมื่อครบกำหนด 3 เดือน ไทยทีวีไม่ได้ชำระค่างวดประมูล และยืนยันไม่ต้องการประกอบกิจการต่อไป ทางบอร์ด กสท. จึงมีคำสั่งทางปกครองพักใช้ใบอนุญาต (มีผลต่อหน้าจอ ทำให้ต้องระงับออกอากาศ) เป็นเวลา 3 เดือน ต่อจากนั้น มีการเจรจากันระหว่าง กสทช. และไทยทีวี เพื่อขยายเวลาการพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 ก.พ.นี้