ชาวบ้านร้อง ผู้ว่าฯ ตรังช่วยปัญหาที่ดินทำกิน
ชาวบ้าน หมู่ที่ 1,3,6,10 และ 11 ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง รวมกว่า 300 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัดประสานให้ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ดินทำกิน เข้าพบกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และอธิบดีกรมที่ดิน
นายทวี จันทร์ฝาก ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า เมื่อปี 2543 สมัยที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และอธิบดีกรมที่ดินชาวบ้านทั้ง 5 หมู่บ้านใน ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง ได้ยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่ดินพร้อมชำระค่ารังวัดไปแล้ว รวมกว่า 3,000 แปลง เป็นเงินกว่า 800,000 บาท จากที่ดินทั้งหมด 5,803 ไร่
ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แล้ว จำนวน 700 แปลง รวมเนื้อที่ 1,000 กว่าไร่ ส่วนที่เหลืออีกกว่า 2,000 ไร่ เคยเป็นที่ดินที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ (นสล.) ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เมื่อปี 2526 แต่ยังไม่สามารถออกเป็นโฉนดที่ดินได้ เนื่องจากหลักฐานไม่ตรงกับรายละเอียดที่แจ้งไว้ ทำให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (คบร.) ซึ่งมี ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เข้าใจว่า เป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ จึงมีมติไม่ออกโฉนดที่ดินให้
ตัวแทนชาวบ้านยังบอกอีกว่า ระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่สามารถนำโฉนดที่ดินไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารได้ จึงต้องไปกู้ยืมเงินจากนอกระบบ ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยในราคาที่สูงกว่ากู้เงินจากธนาคาร
หลังการชุมนุมเรียกร้องนานกว่า 4 ชั่วโมง ในที่สุด นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ลงมารับหนังสือพร้อมกับรับปากว่า จะส่งหนังสือประสานให้ตัวแทนชาวบ้านทั้ง 5 หมู่บ้าน ได้เข้าพบนายยงยุทธก่อนเที่ยงวันนี้
ส่วน มติ คบร.ชุดเก่าจะยกเลิกทั้งหมด และจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ โดยมีตนเป็นประธาน ขณะเดียวกันก็จะให้กรมที่ดินชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน รวมทั้งจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่ดินรับเรื่องไปดำเนินการ
ซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านได้รับฟังคำชี้แจงจากผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ส่วนใหญ่ยังคงไม่เชื่อว่า จะสามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เสร็จได้ แต่กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานกว่า 10 ปี จึงมีชาวบ้านส่วนหนึ่ง ยืนยันที่จะปักหลักชุมนุมประท้วงยืดเยื้อต่อไป