ผู้บริโภคเชื่อค่าครองชีพสูงขึ้น จากสินค้าราคาแพงขึ้น 
ผู้บริโภคย่านตลาดเตาปูน ระบุว่า แม้รัฐบาลมีนโยบายลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยดูแลราคาสินค้าไม่ให้ปรับสูงขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ไม่สอดคล้องกับรายได้ที่แม้จะได้รับเพิ่มเป็นวันละ 300 บาท
ขณะที่นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานทีดีอาร์ไอ มองว่า เวลานี้ค่าครองชีพของประชาชนค่อนข้างสูงประชาชนควรรู้หลักการบริหารรายรับรายจ่ายของตัวเองให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องบริหารนโยบายด้านการเงินอย่างระมัดระวัง โดยดูเเลอัตราเงินเฟ้อให้เหมาะสม
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.47 เนื่องจากผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ไม่กล้าปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะต้นทุนวัตถุดิบไม่ปรับสูงขึ้น โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ราคาปรับสูงขึ้นร้อยละ 4.51 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาอาหารสำหรับบริโภคในบ้านสูงขึ้นกว่าร้อยละ 8.08 ผักและผลไม้สูงขึ้นร้อยละ 6.18 และเครื่องประกอบอาหารสูงขึ้นร้อยละ 5.73 สำหรับสินค้าในหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.18 เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้ารวมถึงค่าน้ำประปา
ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ร้อยละ 3.16 ซึ่งประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทใน 7 จังหวัด ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นร้อยละ 0.1 แต่อัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะสูงขึ้นไม่เกินร้อยละ 3.8
