ตั้งงบฯ 665 ล้าน ศึกษาเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เรื่องรายงานผลการพิจารณากรอบวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานระบบไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง- บางแค และช่วงเตาปูน -ท่าพระ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)
โดยครม.อนุมัติกรอบวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษางานระบบไฟฟ้าเป็นวงเงิน 665,441,500 บาท ประกอบด้วยค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ (PMC) วงเงิน 265,399,000 บาทและค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานระบบรถไฟฟ้า (MESC) จำนวน 400,042,500 บาทซึ่งต่ำกว่ากรอบวงเงินที่กระทรวงคมนาคม นำเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน 3,558,500 บาท
และยังมีมติเห็นชอบให้ รฟม. กู้เงินต่อจากกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณากู้เงินในประเทศและให้กู้เงินต่อแก่ รฟม. สำหรับค่าจ้างที่ปรึกษางานระบบรถไฟฟ้าดังกล่าวเมื่อ รฟม.มีรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าในอนาคต เห็นควรให้นำรายได้ดังกล่าวมาชำระเงินลงทุนในส่วนนี้คืนรัฐบาล โดยรัฐบาลจะรับภาระเฉพาะในส่วนค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในงานโยธาเท่านั้น นายภักดีหาญส์กล่าว
นอกจากนีิ นายภักดีหาญ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เรื่องขอขยายระยะเวลาดำเนินการมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชนด้านการเดิน ทาง (ระยะที่ 10 ) หรือรถเมล์รถไฟฟรีออกไปอีก5 เดือน ตั้งแต่เดือน 1 พฤษภาคม2555 จนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2555 ในวันที่ 30 กันยายน 2555 ประกอบด้วยมาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดาจำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง ในวงเงินจำนวน 1,208 ล้านบาท และ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 164 ขบวนต่อวัน ในวงเงิน 458 ล้านบาท
ทั้งนี้ให้ขสมก. และรฟท. กู้เงินเพื่อชดเชยการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และให้สำนักงบประมาณ(สงป.)พิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดเชยเงิน ต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นให้แก่ ขสมก. และรฟท.และ ครม.ได้มีมติให้กระทรวงคมนาคม เร่งศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพการเดินทางที่เหมาะสม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
นายชัช กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยหลังจากการประชุม ครม. ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นในที่ประชุมว่าเนื่องจากประชาชนที่มีรายได้น้อย ยังได้รับผลกระทบทางสภาวะเศรษฐกิจ จึงเห็นสมควรที่จะยืดอายุมาตรการรถเมล์รถไฟฟรีไปอีก 6 เดือน โดยไม่ได้ยึดมาตรการนี้เป็นมาตรการถาวรหากเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะมีการพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง ส่วนการขึ้นค่าโดยสาร รถเมล์และแท็กซี่นั้นไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากครม.ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลเรื่องดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมราคาขนส่งทางบกกลาง ที่จะพิจารณาเรื่องการขึ้นราคา
ทั้งนี้ครม. ได้สั่งให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการการจัดเสนอราคารถไฟฟ้าสายสีแดงช่วง ระหว่างบางซื่อรังสิตซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมได้ตั้งราคากลางการประมูล ไว้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยผู้รับเหมารายแรกประเมินราคาอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท และหลังจากเจรจาต่อรองราคาเหลือเพียง 3.1 หมื่นล้านบาทซึ่งยังสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาท จึงจะเรียกผู้เสนอราคารายที่สองมาเจรจา หากยังไม่ได้ราคาตามที่ตั้งไว้ ก็จะจัดให้มีการประมูลราคาใหม่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ครม.ได้สั่งให้เร่งรัดการดำเนินการรถไฟสายสีน้ำเงิน ช่วงระหว่าง หัวลำโพงบางแค บางซื่อท่าพระ ให้ดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วด้วย นายชัชกล่าว
นายชัชกล่าวว่า ครม.ให้กระทรวงคมนาคม รวบรวมสถิติการใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟรีโดยให้การรถไฟแห่งประเทศ ไทย(รฟท.)กับ(ขสมก.)ทำสถิติของผู้ใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟรีรวบรวมส่งให้ กระทรวงคมนาคม โดยสำรวจว่าแต่ละช่วงมีผู้ใช้มากน้อยเพียงใดและนำกลับมาเข้าที่ประชุมอีก ครั้งหนึ่ง เนื่องจากเกรงใจผู้ที่เสียภาษีแต่ไม่ได้ใช้บริการโครงการในงบประมาณ