จากการผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ถึงความเห็นของประชาชนทั่วไปภายในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,356 คน ระหว่างวันที่ 1-3 พ.ค.ที่ผ่านมากับราคาสินค้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จากการขึ้นราคาของอาหาร ข้าวราดแกง ร้อยละ 32.37 รองลงมาคือ สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 25.09 และค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ร้อยละ 21.48 และสำหรับสินค้าที่แพงขึ้นในขณะนี้ อันดับแรกคือ อาหาร ของสด เนื้อสัตว์ ร้อยละ 49.64 รองลงมาคือค่าเดินทาง น้ำมัน และค่าน้ำ ค่าไฟ ร้อยละ 29.82
แต่ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพงได้ เนื่องจากมีอำนาจในการควบคุมดูแล รวม ถึงกระทรวงพาณิชย์มีการตรวจตราผู้ประกอบการไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคากับผู้ บริโภคได้ซึ่งหากรัฐแก้ปัญหาได้จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเพิ่มขึ้น
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังยืนยันว่า ราคาสินค้าไม่แพงขึ้นเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา และสอดคล้องกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย.ที่ ร้อยละ 2.47 ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ มองว่า กรอบเงินเฟ้อที่เหมาะสมไม่ควรเกินร้อยละ 3-4
โดยที่ผ่านกระทรวงได้แบ่งการดูแลสินค้าเป็นสินค้าควบคุม 42 รายการ และเป็นสินค้าที่ต้องติดตามก็ต้องติดตามใกล้ชิด และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างต้นทุนราคาสินค้าจำเป็น เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
ส่วนกรณีที่ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่า สินค้ายังมีราคาแพง ได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าสำรวจราคาสินค้าตามพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น โดยให้กรมการค้าภายในรายงานสถานการณ์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง 20-30 รายการ เช่นหมวดอาหาร
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าเกินราคาสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วนของกรมการค้าภายใน 1569